สืบเนื่องจากครม.มีมติ อนุมัติ เงินเยียวยาในโครงการ "เราชนะ" เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดจากไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยแจกเงินเยียวยา 3,500 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ต่อคน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 7,000 บาท แต่ทั้งนี้มาตรการเยียวยาประชาชนของภาครัฐดังกล่าว เข้าไม่ถึงผู้ที่มีประกันสังคม ม.33 ทำให้เกิดการเรียกร้องจากประชาชนให้ช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ ล่าสุดทางนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง พิจารณาแนวทางช่วยคนที่ยังอยู่นอกความช่วยเหลือของรัฐบาล
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง พิจารณาแนวทางช่วยคนที่ยังอยู่นอกความช่วยเหลือของรัฐบาลเพื่อให้ครอบคลุมประชาชนทั่วประเทศ หลังจากที่ผ่านมารัฐบาลมีมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยกลุ่มแรกที่ได้รับความช่วยเหลือคือ กลุ่มคนที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน 14 ล้านคน กลุ่มที่สองคือ กลุ่มลงทะเบียนโครงการคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน 15 ล้านคน
สำหรับการจะให้สิทธิประโยชน์แก่คนในกลุ่มที่สาม ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือนั้น จะต้องมีการคัดกรองในระบบก่อน เช่น กรณีเป็นลูกจ้างของรัฐ จะต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ในบัญชีของ คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) หมายถึงข้าราชการประจำ หรือกรณีที่เป็นพนักงานในบริษัทเอกชน และมีประกันสังคมตามมาตรา 33 จะต้องเป็นบุคคลที่มีรายได้ต่ำ เช่น ลูกจ้างรายวัน ได้เงินวันละ 300-350 บาท ลูกจ้างที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เป็นต้น ซึ่งขณะนี้กำลังดูรายละเอียดอยู่ว่าจะกำหนดเกณฑ์อย่างไร
สำหรับความช่วยเหลือในส่วนของนายจ้าง เพื่อไม่ให้เลิกจ้างและรักษาระดับการจ้างงานในประเทศนั้น ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการพักชำระหนี้โดยเฉพาะให้กับ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งสิ้นสุดโครงการไปแล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2563 แต่สถาบันการเงินของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นต้น ยังประกาศขยายเวลาการพักชำระหนี้ไปจนถึงเดือนมิถุนายน 2564 นี้
ขอบคุณข้อมูลสัมภาษณ์ EasyYukhon