สืบเนื่องจากกระแสวิจารณ์สนั่นในโลกออนไลน์ กรณีที่กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เรียกคืนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ทำให้ประชาชนออกมาวิจารณ์เรื่องดังกล่าวอย่างหนักหน่วงเป็นอย่างมาก
เมื่อวานนี้ทางนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการแก้ปัญหาเบี้ยผู้สูงอายุที่ถูกเรียกคืน ช่วงหนึ่งว่า เป็นหลักกฎหมายที่เข้าใจกันอยู่แล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 412 ซึ่งเป็นการให้ความเห็นที่ถูก แต่ต้องสุจริต และบางคนตนดูแล้วว่าสุจริต แต่ในบางคนผมก็ไม่รู้ ยิ่งบอกว่าเมื่อเจอกันเป็นร้อยๆ ราย สมมติว่าคุณไปรับเงินบำนาญมานาน พอโตมาก็มารับเงินคนแก่ ซึ่งอาจจะสุจริตเพราะไม่รู้ และหากต่อมา 2-3 ปีเกิดรู้ จึงเลยตามเลยรับต่อ อย่างนี้เรียกว่าไม่สุจริต ในการรับเงินในส่วนหลัง ซึ่งต้องมีการสอบเป็นรายๆ ไป นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนที่จะมีการนำผู้สูงอายุติดคุกติดตะรางนั้น ไม่เกี่ยว เพราะการเรียกคืนเงินเป็นคดีทางแพ่ง การจะคืนเงินหรือไม่คืนเงินก็เป็นเรื่องคดีแพ่ง ซึ่งไม่มีติดคุก
ล่าสุดวันนี้ นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ทุกจังหวัด เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 มีความสำคัญว่า ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อต่างๆ ว่ามีผู้สูงอายุถูกเรียกเบี้ยยังชีพคืน เนื่องจากเป็นผู้รับบำนาญ หรือ บำนาญพิเศษ นั้น
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นขอเรียนให้ทราบว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องดังกล่าว ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนคลายความกังวลใจในเรื่องที่เกิดขึ้น จึงขอให้จังหวัดแจ้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการ ดังนี้
1. ชี้แจงทำความเข้าใจประชาชนให้ทราบว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการหาแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องดังกล่าว
2. กรณียังมีระยะเวลาการดำเนินการที่ไม่ส่งผลกระทบทางกฎหมาย ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใช้วิธีการเจรจาสร้างความเข้าใจ โดยชะลอการดำเนินคดีไว้ก่อน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก EasyYukhon