สืบเนื่องจากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “ช่างตั๊ก ช่างไฟ เมืองตะเข้” โพสต์ภาพขณะที่ตนกำลังขับรถยนต์ ซึ่งภาพข้างหน้าเป็นรถจักรยานยนต์พ่วง แต่ภาพข้างหน้า กลับทำให้ผู้ที่เห็นถึงกับน้ำตาไหล
โดยข้อความของ “ช่างตั๊ก ช่างไฟ เมืองตะเข้” ความว่า ใครที่เดินทางเส้นบางกระทุ่ม วังน้ำคู้ บ้านใหม่ วัดพริก พิด'โลก ถ้าเจอป้ากับลูกชายก็ระมัดระวังด้วยนะครับ สงสารแก ใครเจอถ้าช่วยอะไรแกได้ก็ช่วยนะครับ ลูกแกพิการต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ผมก็ไม่รู้ว่าแกอยู่ตรงไหนของบางกระทุ่ม รถมันเยอะเลยไม่ได้จอดคุยกับแกเลย พอจะมีหน่วยงานไหนช่วยเหลือแกให้แกไม่ต้องขี่รถพาลูกไปฟอกไตแบบนี้ได้มั้ยครับ #ชีวิตคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน
ต่อมาทางทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับคุณยายเปรี้ยว สุขแสง อายุ 68 ปี เพื่อถามไถ่สารทุกข์ ที่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 9 บ้านบางกระทุ่มใน ต.บางกระทุ่ม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวสภาพเก่าทรุดโทรม โดนนั้นคุณยายเปรี้ยว กำลังดูแล และทำกายภาพบำบัดให้กับนายอาทิตย์ สุขแสง อายุ 37 ปี ลูกชายที่ป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายอัมพาตซีกซ้าย และป่วยเป็นไตวายระยะสุดท้าย
ยายเปรี้ยว เปิดใจกับอีจัน ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ตนเองมีลูกทั้งหมด 5 คน ลูกสาว 4 คน และลูกชาย 1 คน ลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว 2 คน จากโรคเส้นเลือดในสมองแตกและเนื้องอกในสมอง ซึ่งสามี ก็เสียชีวิตด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกเช่นกัน
ส่วนนายอาทิตย์ สุขแสง เป็นลูกชายคนเล็ก ป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตกและเป็นโรคไต รักษาตัวมา 2 ปีแล้ว ตนเองต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะลูกชายช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องพาไปฟอกไตที่โรงพยาบาลพุทธชินราช และโรงพยาบาลรวมแพทย์ อาทิตย์ละ 3 ครั้ง ค่าใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลก็ไม่เพียงพอ การเดินทางก็ยากลำบาก เพราะตาของตัวเองมองไม่ค่อยเห็น แถมหลังก็ปวด เพราะเคยถูกควายไล่ขวิด โดยคุณหมอเคยนัดให้ตนไปผ่าตัดหลัง แต่ก็ไม่สามารถไปผ่าตัดได้ เพราะต้องพักฟื้น และใช้เวลารักษาตัวเป็นเวลานานไม่มีใครดูแลลูกชาย ตนจึงต้องขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างพาลูกชายไปหาหมอ บางครั้งมองไม่เห็นถนนหนทาง ถูกรถยนต์ขับมาเบียดบ้าง ขับมาชนด้านท้ายบ้าง เคยประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ตกข้างทางก็เคยมีมาแล้ว
ในการไปหาหมอทุกครั้ง ลูกชาย ต้องคอยช่วยดูทาง ดูรถ ดูถนนให้ ซึ่งระยะทางไปกลับจากบ้านไปโรงพยาบาล ร่วมกว่า 80 กม. ต้องออกบ้านแต่เช้าตรู่ ถึงบ้านก็เย็น จึงตัดสินใจไปจ้างให้เขาทำป้ายไวนิลติดเตือนให้ระวังอย่าชนยายเอาไว้ท้ายรถ ให้คนที่ขับรถยนต์มองเห็นชัดๆ บางครั้งตนก็รู้สึกเจ็บหลัง แต่ก็ยอมทนเจ็บ ทนเหนื่อยต่อไป ส่วนรายได้ครอบครัวก็น้อยนิด เพราะหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างเก็บลูกฝรั่งขาย เผาถ่านขายบ้าง เก็บผักบุ้งขายบ้าง
ด้าน นายอาทิตย์ สุขแสง ลูกชาย เล่าว่า เมื่อก่อนตนทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี แล้วกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน จู่ๆ ก็ปวดหัว แล้ววูบไปเลย แม่ต้องพาไปหาหมออย่างเร่งด่วน จนมาพบว่าป่วยด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตก ร่างกายเป็นอัมพาตครึ่งซีก มิหนำซ้ำยังมาป่วยเป็นโรคไตอีก โดยแพทย์ได้แจ้งกับตนว่าเป็นไตวายระยะสุดท้ายแล้ว จะต้องเดินทางไปฟอกไตที่โรงพยาบาลอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ถ้าไม่ฟอกไตร่างกายก็จะแย่มาก ๆ ฉี่ไม่ออก น้ำท่วมปอดอาจจะเสียชีวิตได้ทันที
ที่ผ่านมาก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ เช่น สำนักงาน ปภ. สำนักงานประกันสังคม อบจ.พิษณุโลก อบต.ท้องถิ่น ก็ช่วยเหลือกันพอสมควร แต่ทุกวันนี้ก็ยังลำบากเรื่องการเดินทาง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทางไปโรงพยาบาลบ้าง เพราะเป็นห่วงแม่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ค่อยแข็ง ขับรถจักรยานยนต์ไม่เก่ง และอายุท่านก็มากแล้ว เคยเหมารถยนต์ไปครั้งหนึ่งก็มีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก อีจัน