กรมราชทัณฑ์ เผย นายสรยุทธ มีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษในวันที่ 13 มีนาคม 2564 ซึ่งเมื่อได้รับการพักการลงโทษปล่อยตัว จะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ติดตามตัว (Electronic Monitoring: EM) และต้องประพฤติปฏิบัติตนตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน ตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพ้นโทษ
วันนี้ 3 ก.พ.64 นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงกรณีข่าวการพักการลงโทษ กรณีมีเหตุพิเศษของ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดังว่าการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โดยเฉพาะโครงการพักการลงโทษนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น เป็นโครงการสำหรับนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางขึ้นไป ที่ได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ และเหลือโทษที่ต้องได้รับต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี โดยถือว่าเป็นประโยชน์ของผู้ต้องขังตามที่กำหนดไว้ในมาตรา 52 แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
ซึ่งปัจจุบัน นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีกำหนดโทษตามคำพิพากษา 6 ปี 24 เดือน ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทาน อภัยโทษ พ.ศ. 2563 ทั้ง 2 รอบ คงเหลือโทษจำคุกครั้งหลังสุด 3 ปี 6 เดือน 20 วัน เมื่อหักวันต้องโทษจำคุกมาแล้วจึงเหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 2 ปี 4 เดือน 14 วัน
- ด้วยเหตุนี้ นายสรยุทธฯ จึงถือเป็นนักโทษที่รับโทษจำคุกมาแล้วระยะหนึ่ง และจะมีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ในวันที่ 13 มีนาคม 2564 ซึ่งเมื่อได้รับการพักการลงโทษปล่อยตัว จะต้องติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ติดตามตัว (Electronic Monitoring: EM) และต้องประพฤติปฏิบัติตนตามเงื่อนไขที่กำหนดอย่างครบถ้วน ตลอดจนรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพ้นโทษ
นายอายุตม์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการพิจารณาพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าว นอกจากการพิจารณาจากคุณสมบัตินักโทษที่เข้าเกณฑ์แล้ว นักโทษทุกรายยังจะต้องถูกพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ และต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอีกชั้นหนึ่งจึงจะถือว่าได้รับการพักการลงโทษ
อนึ่งนอกจากกรณีของ นายสรยุทธฯ ยังมีนักโทษเด็ดขาดที่ได้รับความเห็นชอบพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษทั้งกรณีนักโทษเด็ดขาดที่มีโทษระยะสั้น และกรณีมีเหตุพิเศษเนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป ที่ถูกนำรายชื่อเข้าประชุมคณะอนุกรรมการฯ ในครั้งนี้ รวม 944 ราย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก ประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์