หลังจากที่มีการแชร์คลิป วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง นำน้ำแข็งใส่ลงไปในหม้อชาบูที่กินเสร็จแล้ว กลายเป็นก้อนไขมันจับตัวกันขึ้นมา และมีการแชร์ว่าอย่ากินชาบู เพราะน้ำซุปมีไขมันสูง กินไปแล้วจะไปเป็นก่อนแข็งในร่างกาย อุดตันเส้นเลือด ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กระแสโซเชียลอย่างมาก เพราะชาบูเป็นอาหารโปรดของใครหลายๆ คนเลยทีเดียว
โดยวานนี้ (5 ก.พ. 64) รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant เกี่ยวกับประเด็นที่มีการแชร์คลิปเตือนห้ามกินชาบู เนื่องจากในน้ำซุปมีไขมัน โดยอธิบายว่า
"มีการแชร์คลิปวิดีโอ พร้อมแคปชั่นเตือนห้าม "อย่ากินชาบู เพราะน้ำซุปมีไขมันสูง กินเข้าไปแล้วจะไปแข็งเป็นก้อนในร่างกาย อุดตันเส้นเลือด" ?? เรื่องนี้ มันมีทั้งที่จริงและไม่จริง ปนๆ กันครับ
ในคลิปนั้น จะเหมือนเป็นเหตุการณ์เพื่อนฝูงกลุ่มหนึ่ง มากินชาบูกัน แล้วหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มก็สาธิตให้ดูว่า ถ้าเอาน้ำซุปของชาบู มาเทน้ำแข็งลงไป ซักครู่จะเกิดเป็นก้อนไขมันก้อนใหญ่ ตักขึ้นมาให้ดู ตกใจกันทั้งกลุ่ม ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องจริงครับ ในน้ำซุปชาบู ก็น่าจะมีไขมันได้สูงเช่นกัน ขึ้นกับกระบวนการเตรียมน้ำซุป และตอนที่นั่งกินชาบูกันนั้น ว่าใส่อะไรลงไปต้มบ้าง การที่ใส่น้ำแข็งลงไป ก็จะทำให้ไขมันที่กระจายเป็นหยดเล็กๆ อยู่ในน้ำร้อนๆ มาจับตัวกันเป็นก้อนได้
แต่ที่มีแคปชั่นเพิ่มไปว่า (ในคลิป เค้าไม่ได้พูด) ถ้ากินเข้าไป ไขมันในน้ำซุปชาบูจะไปแข็งตัวในร่างกายเรา ในกระเพาะอาหาร ไปอุดตันเส้นเลือด ฯลฯ อันนี้ ไม่จริงนะ เพราะร่างกายของเรามีอุณหภูมิเฉลี่ย 37 องศาเซลเซียส ไม่ได้เย็นจัดเหมือนน้ำแข็ง หยดไขมันก็ยังอยู่ในสภาวะเดิมไปเรื่อยๆ ก่อนที่จะถูกย่อยและดูดซึมเข้าไปที่ลำไส้เล็ก (แล้วก็ขึ้นกับร่างกายแต่ละคน ว่าจะมีการสะสมไขมันตามอวัยวะต่างๆ มากน้อยแค่ไหน)
ดังนั้น โดยสรุป แม้ว่าบางคนจะคิดว่า การกินอาหารต้มๆ แบบชาบูนั้น จะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีไขมันต่ำ เพราะไม่ใช่การทอดน้ำมัน ... แต่ก็ควรจะระวังว่า นอกจากไขมันที่อยู่ในเนื้อสัตว์ที่มาต้มชาบูแล้ว น้ำซุปชาบูก็มีไขมันสูงเช่นกัน กินกันแค่พอประมาณนะครับ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Jessada Denduangboripant