โครงการ "เราชนะ" เยียวยาวงเงิน 7,000 บาท แก่ประชาชน 3 กลุ่ม คือ 1. ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2. ผู้เข้าร่วมโครงการ "คนละครึ่ง" ผู้เข้าร่วมโครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" 3. กลุ่มประชาชนทั่วไปที่ไม่เคยได้รับสิทธิลงทะเบียนผ่าน www.เราชนะ.com
สำหรับประชาชนที่ไม่ได้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน และประชาชนที่ไม่ได้อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในโครงการ "คนละครึ่ง" และ โครงการ "เราเที่ยวด้วยกัน" และประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยอาชีพอิสระ เกษตรกร ฯลฯ จะต้องลงทะเบียน "เราชนะ" ผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนจนถึงเวลา 23.00 น.ของวันที่ 12 ก.พ. 2564 นี้เป็นวันสุดท้าย รวมถึงผู้ที่ลงทะเบียนไม่สำเร็จและได้รับข้อความ SMS แจ้งเตือนให้ลงทะเบียนใหม่อีกครั้งสามารถลงทะเบียนได้ไม่วันและเวลาดังกล่าวเช่นกัน
ขณะเดียวกัน คลังฯ ย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับโครงการ "เราชนะ" (ระยะเวลาโครงการ 29 ม.ค. - 31 พ.ค.2564) กลุ่มไหนต้องทำอย่างไรบ้างดังนี้
1.กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ได้รับวงเงิน 675 หรือ 700 บาท/สัปดาห์ ทุกวันศุกร์ตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.2564 จนครบวงเงินสิทธิ์ของโครงการ
2.ผู้ที่มีแอปฯ เป๋าตัง ในโครงการ คนละครึ่ง/เราเที่ยวด้วยกัน และผ่านการยืนยันตัวตนภายใน 27 ม.ค.2564 (กลุ่มผู้มี "เป๋าตัง")
3.กลุ่มผู้ไม่มีข้อมูลตามกลุ่ม 1 กลุ่ม 2 ที่ลงทะเบียนทาง www.เราชนะ.com
กลุ่มผู้มี "เป๋าตัง" - กลุ่มผู้ลงทะเบียน ตรวจสอบสิทธิ์ผ่าน www.เราชนะ.com (กลุ่มผู้มี "เป๋าตัง" ตั้งแต่ 5 ก.พ. - กลุ่มผู้ลงทะเบียนตั้งแต่ 8 ก.พ.)
- ถ้ายืนยันสิทธิ์ภายใน 18 ก.พ.2564 ได้รับวงเงินครั้งแรก 2,000 บาท , ทุกวันพฤหัสบดีได้รับวงเงิน 1,000 บาท/สัปดาห์จนครบวงเงินสิทธิ์ของโครงการ
- ถ้ายืนยันสิทธิ์หลังวันที่ 18 ก.พ.2564 ได้รับวงเงินครั้งแรกเท่ากับวงเงินที่สะสมมาตั้งแต่ 18 ก.พ. , ทุกวันพฤหัสบดีได้รับวงเงิน 1,000 บาท/สัปดาห์จนครบวงเงินสิทธิ์ของโครงการ
ทั้งนี้ วงเงินสามารถสะสมและใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 พ.ค.2564
กลุ่มประชาชนที่ตรวจสอบคุณสมบัติแล้วพบว่า "ไม่ผ่านคัดกรองคุณสมบัติ" สามารถยื่นขอทบทวนสิทธิ์ทาง www.เราชนะ.com ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. - 8 มี.ค.2564
กลุ่มประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านทาง www.เราชนะ.com "ไม่สำเร็จ" ได้รับ sms แจ้งว่า "ลงทะเบียนไม่สำเร็จ" สามารถลงทะเบียนใหม่ได้ทันทีหลังจากได้รับ sms จนถึงวันที่ 12 ก.พ.2564 เวลา 23.00 น.
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง : Fiscal Policy Office