วัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย จัดว่าเป็นโบราณสถานที่มีความสวยงามคู่บ้านคู่เมืองมาเป็นเวลานาน ประกอบกับมีเรื่องเล่าที่บอกกันมา ปากต่อปากหลายชั่วอายุคน เกี่ยวกับอุโมงค์ลับใต้ดิน ที่วัดศรีชุมเเห่งนี้ บ้างก็ว่า สามารถทะลุไปถึงเมืองลับแลได้ บางรายก็ว่ามีคนเดินลงไปแล้ว ไม่ได้กลับขึ้นมาอีกเลย
แต่ก็มีผู้ที่ได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับอุโมงดังกล่าวคือ เฟซบุ๊กชื่อ Voranai Pongsachalakorn ซึ่งได้โพสต์บอกเรื่องเล่าในอุโมงค์วัดศรีชุม พร้อมภาพประกอบ โดยระบุข้อความว่า "เรื่องเล่าในอุโมงค์ วัดศรีชุม" “โภชาชานิยชาดก” เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นม้า“จงอย่าละทิ้งความเพียรอันประเสริฐ”
ได้เผยว่า อุโมงวันศรชุมนั้นมี แผ่นหินชนวนจารลายเส้นเล่าเรื่องชาดกในช่องอุโมงค์ภายในผนังกำแพงผนังอาคาร ทางด้านขวาของพระอจนะ วิหารวัดศรีชุม เมืองโบราณสุโขทัย เรียกว่า “จารึกภาพชาดกวัดศรีชุม” แต่ละแผ่นมีขนาดไม่เท่ากัน บางแผ่นอาจจารภาพได้เพียงเรื่องเดียว แต่บางแผ่นอาจจารได้มากถึง 4-5 เรื่อง แผ่นหินชนวนส่วนใหญ่จะชำรุดแตกหัก ลายเส้นภาพและตัวอักษรลบเลือน บางแผ่นสูญหายไป ปัจจุบันคงเหลืออยู่เพียง 40 แผ่น จากทั้งหมด 52 แผ่น ที่ติดอยู่บนผนังเพดาน
การเรียงลำดับเลขจารึกภาพสลักชาดกวัดศรีชุม จึงจัดลำดับตามเรื่องราวที่สามารถอ่านได้ ส่วนจารึกแผ่นที่ชำรุดอ่านไม่ได้ หรืออ่านจับความได้ไม่ตลอด
แผ่นหินสลักชาดกแผ่นหนึ่ง พบข้อความอักษรเขียนว่า “เป็นคำรบที่ห้าร้อย” หมายความว่า แผ่นหินนั้นเป็นชาดกเรื่องที่ 500 ภาพชาดกทั้งหมดจึงเคยมีจำนวน 500 ภาพ ซึ่งเป็นจำนวนที่ตรงกับข้อความในจารึกสุโขทัยหลักที่ 2 (จารึกวัดศรีชุม) ด้านที่ 2 บรรทัดที่ 39 ความว่า “…พระเจดีย์สูงใหญ่ รอยนั้นฉลักหินห้าร้อยชาติ ”
วรณัย พงศาชลากร
EJeab Academy
เพราะทุกที่มีเรื่องราวและเรื่องเล่า
ซึ่งในโพสต์ดังกล่าวได้มีผู้ออกมาแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุงโมงดังกล่าวว่า "อุโมงค์ลงใต้ดินยาวมากครับมีคนเล่าเคยลงไปกับฝรั่ง" มีอีกท่านมาเสริมด้วยว่า"ตอนเป็นเด็กขึ้นไปเล่นบ่อยมาก คนเก่าแก่เล่าให้ฟังว่า เคยมีเณรลงไปในอุโมงค์ใต้ดินแล้วไม่ออกมาอีกเลย เขายังเล่าว่าสมัยก่อนเดินทะลุไปโผล่ที่เมืองเก่าศรีสัช" โดยผู้ที่บอกว่าเคยลงไปนั้นกล่าวเพิ่มเติมว่า "แสดงว่ามีจริง ๆ นะครับคนที่เล่าให้ผมฟัง ก็อายุเจ็ดสิบกว่ายังแข็งแรงดี เขาบอกว่าเดินกันได้ราวสิบกิโลเมต รอากาศในถังจะหมดก็ต้องกลับกัน พวกฝรั่งเขาเป็นนักสำรวจของกรมชลประทานที่มาตั้งแคมป์กันบริเวณวัดครับ"
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก Voranai Pongsachalakorn