เราชนะโครงการของภาครัฐ ที่ออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวไม่ได้เยียวยาประชาชนในประเทศทุกคน ด้าน รมว.คลัง เผย ไม่สามารถแจกเงินเยียวยาให้กับคนไทยทุกคนได้ เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมาก 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีเงินไม่พอจึงต้องแจกเงินให้กับคนที่เดือดร้อนจริงๆ เท่านั้น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้กล่าวชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎร แทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมว่า ไม่สามารถแจกเงินเยียวยาให้กับคนไทยทุกคนที่มีประชาชนไม่ได้ตามข้อเสนอฝ่ายค้านเนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมาก 5-6 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีเงินไม่พอจึงต้องแจกเงินให้กับคนที่เดือดร้อนจริงๆ เท่านั้น
ส่วนข้อเสนอที่มีการให้เยียวยาประชาชนคนไทยที่อายุต่ำกว่า 18 ปีด้วยนั้น รัฐบาลเห็นว่าคนที่อายุไม่ถึง 18 ปี ยังมีผู้ปกครองดูแลอยู่ แต่ก็จะรับข้อเสนอของฝ่ายค้านไปพิจารณา นายอาคมยังกล่าวชี้แจงแทน พล.อ.ประยุทธ์ อีกว่าโครงการเราชนะกลุ่มประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ที่ต้องลงทะเบียนสาขาธนาคารกรุงไทยทำให้มีปัญหาแออัดมากเกินไป จึงแก้ปัญหาให้ขยายเวลาการลงทะเบียนจากเดิมที่วันที่ 25 ก.พ. ไปเป็นถึง 5 มี.ค. 2564
และในวันที่ 22 ก.พ. 2564 จะให้คนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ไปลงทะเบียนที่ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทั่วประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ธนาคาร จะบันทึกข้อมูลชื่อ นามสกุล เลขที่บัตรประชาชนและถ่ายรูปผู้มาลงทะเบียน หลังจากนั้นธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส.ส่งข้อมูลดังกล่าวให้ธนาคารกรุงไทย คัดกรองอีกครั้งหนึ่ง
นายอาคม กล่าวอีกว่า สำหรับกลุ่มที่ไม่สมาร์ทโฟนจะ มี2-2.5 ล้านคน เมื่อรวมกับกลุ่มอื่นๆและมาตรการเยียวยาอื่นๆ จะมีคนได้รับการเยียวยารอบนี้ประมาณ 41.3 ล้านคน ใกล้เคียงกับการเยียวยารอบแรกปี 2563 ในโครงการเราไม่ทิ้งกันมีคนได้รับการช่วยเหลือ 41.2 ล้านคน
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก EasyYukhon