บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เผยเรื่องราวความทุกข์ใจ ของลุงวัย 67 ปี ที่ป่วยเป็นโรคเท้าแสนปมมาตั้งแต่กำเนิด ซ้ำร้ายยังไม่สามารถร่วมโครงการ "เราชนะ" ได้ หลังไม่สามารสแกนใบหน้าของตัวเองได้
บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ออกมาโพสต์ภาพและข้อความขอความช่วยเหลือ จากพี่น้องประชาชน หลังต้องพบเรื่องจริงสุดสะเทือนใจที่เกิดขึ้นกับ นาย นิมิตร ศาสตริน อายุ 67 ปี ที่ป่วยเป็นโรคเท้าแสนปม และไม่สามารถร่วมโครงกเราชนะได้ ทั้งๆที่คุณสมบัติผ่านหมด แต่ติดปัญหาตรงระบบสแกนใบหน้า ที่สแกนหน้าไม่ผ่านระบบ ทำให้ในเเต่เดือนลุงนิมิตร มีเงินใช้จ่ายประทังชีวิตเพียงเดือนละ 1,400บาท เท่านั้น
" เข้าโครงการไทยชนะ แต่ สแกนหน้าไม่ผ่าน "
สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมได้เข้าไปเยี่ยมลุง ตุ่ม
หรือ นาย นิมิตร ศาสตริน อายุ 67 ปี ลุงเป็นโรคเท้าแสนปมมาตั้งแต่กำเนิด ลุงตุ่มก็ใช้ชีวิตแบบนี้เรื่อยมา หาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไป ไม่มีครอบครัว พ่อแม่เสียหมดแล้ว อยู่ตัวคนเดียว อาศัยวัดปากน้ำภาษีเจริญนอนบ้างกินข้าวบ้างบางวันถ้าไม่มีเงิน เมื่อ3ปีที่แล้วก็ไปรับพวงกุญแจมาขาย ก็พอได้ค่าข้าวค่ายาบ้าง แต่มาเกิดโควิดลุงตุ่มก็ไม่ได้ขายอะไรเลย ร่างกายก็ไม่ไหว ตาก็มองไม่ค่อยเห็น น้องสาวของลุงเห็นแล้วก็สงสารจึงเอาลุงมาดูแลเพื่อจะได้มีข้าวกินมีที่นอนมีที่อาบน้ำ ดูแลกันมาเกือบ2 ปี น้องสาวมีอาชีพขายอาหารตามสั่ง เมื่อก่อนก็อยู่ได้แต่เดี๋ยวนี้แย่เพราะโควิด สามีก็ป่วยต้องฟอกไตวันเว้นวัน เมื่อก่อนสามีก็ขับแท๊กซี่ แต่ตอนนี้ไม่ไหว ทำให้น้องสาวลุงโพสขอความช่วยเหลือมาที่ผม เพราะคราวนี้ต้องดูแลคนป่วยถึงสองคน เงินก็ไม่มีอาศัยขายอาหารอย่างเดียวไม่ไหว พอมีโครงการไทยชนะ ก็ให้ลุงตุ่มไปเข้าโครงการ ทุกอย่างผ่านหมดแต่สแกนหน้าไม่ผ่าน เพราะหน้าผิดรูปไปมาก ไปสแกนมา2-3หนแล้ว ใครก็ได้ช่วยลุงตุ่มด้วยนะครับให้แกเถอะแกลำบากจริงๆ ลุงตุ่มมีเงินเดือนล่ะ1,400บาท เงินคนชรา600บาท เงินคนพิการ 800บาท ตอนนี้น้องสาวลุงเองก็ไม่มีเพราะสามีต้องฟอกวันเว้นวัน..
ด้วยความสงสารและเข้าใจชีวิตของทุกชีวิตที่ต้องดิ้นรนหนีความยากลำบากและความอดอยาก ผมได้มอบเงินช่วยเหลือลุง 20,000 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้ลุงได้ต่อสู้กับชีวิตต่อไป
ถ้าเพื่อนๆต้องการช่วยเหลือลุงก็โอนเข้า บัญชี ลุงได้เลยครับ มีน้องสาวดูแลอยู่ครับ
ชื่อ บัญชี นาย นิมิตร ศาสตริน ธนาคาร กรุงไทย
เลขที่ บัญชี 0 1 6 0 2 1 7 4 7 4 ออมทรัพย์
ขอให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับโครงการไทยชนะช่วยลุงด้วยนะครับ กราบขอบคุณมากๆครับ"
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์