เฟซบุ๊กสั่งปิดบัญชีและเพจที่ทาง กอ.รมน. ใช้ทำไอโอ หลังพบว่ามีพฤติกรรมสวมรอยเพื่อปล่อยข้อมูลหนุนกองทัพ เน้นการสื่อสารไปยังประชากรในพื้นที่ภาคใต้มีพฤติกรรมการใช้ทั้งบัญชีจริงและบัญชีปลอม จัดการกลุ่มและเพจบนเฟซบุ๊ก ทั้งนี้ยังมีมีพฤติกรรมการใช้ทั้งบัญชีจริงและบัญชีปลอม จัดการกลุ่มและเพจบนเฟซบุ๊ก โดยมีทั้งเพจที่เกี่ยวข้องกับทหารโดยตรง และเพจที่ไม่ได้เปิดเผยว่าเกี่ยวข้องกับทหาร อีกทั้งแอบอ้างเป็นบุคคลในพื้นที่ภาคใต้
สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า เฟซบุ๊ก (Facebook) ได้ลบ 185 บัญชีและเพจกลุ่มที่ตรวจจับได้ว่าสมัครเข้ามาเพื่อปฏิบัติการด้านข้อมูลข่าวสาร หรือ io โดยมีส่วนเชื่อมโยงกับกองทัพไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่เฟซบุ๊กถอดบัญชีเกี่ยวกับรัฐบาลไทยออก โดยกลุ่ม io ในไทย กลุ่มนี้ประกอบด้วย 77 บัญชี 72 เพจ และ 18 กลุ่มบนเฟซบุ๊ก และอีก 18 บัญชีใน IG ทั้งหมดมีส่วนเชื่อมโยงกับกองทัพไทย โดยเน้นการสื่อสารไปยังประชากรในพื้นที่ภาคใต้
ด้าน นายนาธาเนียล ไกลเชอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ของเฟซบุ๊ก ระบุว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เฟซบุ๊กลบบัญชีที่เชื่อมโยงกับกองทัพไทยออกจากระบบ ซึ่งพบว่าปฏิบัติการนี้มีความเชื่อมโยงกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. อย่างชัดเจน เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติกรรมการใช้ทั้งบัญชีจริงและบัญชีปลอม จัดการกลุ่มและเพจบนเฟซบุ๊ก
โดยมีทั้งเพจที่เกี่ยวข้องกับทหารโดยตรง และเพจที่ไม่ได้เปิดเผยว่าเกี่ยวข้องกับทหาร อีกทั้งแอบอ้างเป็นบุคคลในพื้นที่ภาคใต้ และลงโฆษณากับเฟซบุ๊กโดยใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 350 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 10,600 บาท ซึ่งการลบบัญชีเหล่านี้เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่มีลักษณะเป็น io ไม่ใช่เนื้อหาที่โพสต์ ทั้งนี้เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการสนับสนุนทหาร และสถาบัน รวมถึงโจมตีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเป็นฝ่ายสร้างความรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งการกระทำในลักษณะ ที่แอบอ้างเป็นบุคคลอื่น มีการนำรูปเด็กสาวมาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ รวมถึงปฏิบัติการสร้างการกระจายเนื้อหาที่ผิดธรรมชาติ เพื่อให้ดูได้รับความนิยมมากกว่าปกติ ล้วนผิดข้อกำหนดการใช้งานของเฟซบุ๊กทั้งสิ้น
ทางเฟซบุ๊กยังได้ระบุอีกด้วยว่า มีบัญชีที่ติดตามเพจของเครือข่ายนี้ราว 703,000 บัญชี และมี 100,000 บัญชีที่อยู่ในกลุ่มที่ io ตั้งขึ้นมา หากเมื่อย้อนกลับไปช่วงเดือนตุลาคมปีก่อน (2563) ทวิตเตอร์เคยถอดบัญชี io ที่เชื่อมโยงกับกองทัพไทยไปแล้ว 926 บัญชี ซึ่งกองทัพออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับบัญชีเหล่านัั้น ซึ่งล่าสุด โฆษกของกองทัพไทย เปิดเผยว่า ยังไม่สามารถแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวได้ โดยเป็นเรื่องของนโยบาย ที่ต้องจัดการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเท่านั้น
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก อีจัน
