เผยภาพน่ารัก หาดูได้ยาก เมื่อกวางเขาใหญ่ เข้าไปนอนเฝ้าเต็นท์ให้กับนักเที่ยว ทำคนในกลุ่มเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แห่เข้าไปกดไลก์และแชร์เป็นหมื่นครั้ง
คุณ Kachawoot Narerk ได้ออกมาโพสต์เผยเหตุการณ์น่าประทับใจ ที่เกิดขึ้นจริง บริเวณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อกวางป่าตัวหนึ่งได้เข้าไปนอนเฝ้าเต็นท์ให้กับนักท่องเที่ยว โดยออกมาระบุข้อความเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า
"ขอบใจนะเพื่อน อุตส่าห์มานอนเฝ้าเต๊นท์ให้"
ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวได้ความชื่นชอบจากชาวเน็ตอย่างล้นหลาม คุณ Kachawoot Narerk ได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นส่วนตัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านเฟซบุ๊กว่า
"แรงแผ่เมตตา : พระพุทธองค์เคยตรัสเอาไว้ว่าไม่มีเหตุการณ์ใดที่เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ เป็นเพราะการกระทำของเราในอดีตจนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้เราได้พบกันทั้งมนุษย์และสัตว์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิดมาพบกันอีกในคราวนี้และคราวหน้า ผมมักจะชอบใช้ชีวิตปลีกวิเวกตามป่าเขานับไม่ถ้วน ไม่เคยพบว่ามีสัตว์ป่าที่ระแวงระวังไม่ไว้ใจมนุษย์อย่างเรา เข้ามานอนแนบชิดกันแบบนี้เลย ทั้งๆที่มีเต๊นท์มากมายหลายร้อยหลังตั้งเรียงรายมีระเบียงยื่นออกมาเหมือนๆกันแบบนี้ เค้าก็เลือกมานอนตรงนี้ อาจจะรู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยกระมัง? มีผู้คนมากมายเข้ามายืนล้อมถ่ายรูปกวางตัวนี้นอนแบบขดตัวหลับอย่างสบายไร้กังวล พอผมกลับออกมาจากป่ามาถึงเต๊นท์ก็เห็นคนหลายคนกำลังยกกล้องถ่ายรูปกันมากมาย พวกเค้าคงไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเช่นกัน แต่ผมรู้อยู่ในใจเพราะอานิสงค์ของการไหว้พระสวดมนต์ อุทิศส่วนกุศลและแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำเช้าค่ำนี่เอง เมื่อทำบ่อยๆก็จะกลายเป็นพลังงานแห่งความเมตตาอยู่รอบๆตัวเรา ไม่ทำลายศีลห้า ไม่เบียดเบียนผู้อื่นทั้ง กาย วาจาและใจ หมั่นทำทานให้ได้เป็นประจำทุกๆวัน ความดีเหล่านี้เมื่อสะสมนานวันเข้าก็จะก่อให้เกิดปีติสุขภายในจิต
ไปไหนก็จะได้พบสิ่งดีงามรอบๆตัว พบกับผู้คนที่จิตใจงาม สถานที่งดงาม รวมทั้งสัจธรรมที่คอยบอกให้รู้ว่า เมื่อพบความสุขทางโลกสุดทางแล้ว เมื่อถึงเวลาให้เข้ามาพบกับสุขทางธรรม เมื่อได้ปัญญาธรรมแล้วจะเข้าใจว่า สุขทางโลกเป็นสุขที่เสพได้ชั่วคราวเป็นต้นเหตุของทุกข์ต่างๆที่จะติดตามมาหากเราพิจารณาให้ถ่องแท้ พระพุทธองค์จึงทรงเรียกว่า สุขเวทนา คือสุขๆดิบๆไม่จีรังยั่งยืน เป็นเหตุให้ลาภเสื่อม ยศเสื่อม สรรเสริญเสื่อม เมื่อไม่ยอมปล่อยวางเมื่อถึงเวลาอันควรที่จะปล่อยวาง เพราะจิตยึดติดแน่นหวงแหน อาลัยยอาวรณ์เพราะกว่าจะหามาได้ก็ต้องเหนื่อยหนักหนาสาหัส ตอนไขว่คว้ามาก็ทุกข์ ตอนได้มันมาแล้วก็ทุกข์ ตอนจะสูญเสียมันไปก็ทุกข์ นี่แหละครับสุขเวทนาที่เราต้องการกันทุกๆคน แม้กระทั่งตัวผมก็ต้องการเช่นเดียวกัน แต่เมื่อหมดเวลาแล้วเราก็ต้องฝึกใจปล่อยมันไปให้ได้
ถ้าปล่อยไม่ได้ก็ต้องเจ็บปวดทุรนทุราย เพราะจิตเรานั้นโดนกิเลสเข้ายึดครองมานาน ยากแท้ที่จะแกะมันออกไปได้ง่ายๆ การรักษาศีลห้าให้ได้ร่วมกับการฝึกสมาธิในแนวทางพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะช่วยให้จิตเราเข้มแข็งมากพอที่จะต่อสู้กับกิเลสที่มีกำลังมหาศาลนี้ได้ดีวันดีคืน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีเวลาให้กับข้อนี้เหมือนการทำการงานชนิดนึงที่มีทรัพย์ทางธรรมให้เราเอาไปใช้เปรียบเทียบกับทรัพย์ทางโลก แล้วลองพิจารณาดูด้วยตนเองว่าทางไหนจะให้ผลดีกว่า เหนือกว่า สุขกว่า ที่พิมพ์มายืดยาวนี้ก็เพื่อที่จะค่อยๆไล่ลำดับของการสร้างบุญกุศลทางจิต ที่สร้างได้ยากกว่าภายนอก เพราะผู้คนมักจะอ้างว่าไม่มีเวลา เสียเวลานั่นเอง การที่เราไม่รู้การสร้างบุญทางนี้เพราะ เรามีอวิชชาคือการไม่เข้าใจในอริยสัจสี่ จึงขอถือโอกาสช่องทางนี้เป็นการให้ธรรมทานแก่เพื่อนๆที่สนใจธรรมปฏิบัติร่วมกับการดำเนินชีวิตปกติของเราได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวเราไม่ต้องเดือดร้อนและผู้อื่นก็ไม่เดือดร้อน มีความเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา ช่วยเหลือเกื้อกูลทั้งคนและสัตว์ หมั่นฝึกจิตที่เคยเป็นอกุศลให้มาเป็นกุศลได้ ความสุขกายสุขใจก็จะปรากฏขึ้นภายในและภายนอกรอบๆตัวเรา ทำให้ครอบครัว สังคม ประเทศและโลกของเรานี่มีความสงบสุขเกิดขึ้นได้เพราะเราเริ่มที่ตัวเราให้ได้ก่อน ผู้คนรอบๆตัวสรรพสัตว์ทั้งหลายก็จะได้อานิสงค์นี้ไปด้วยถ้วนถึงกัน ขออนุโมทนากับทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านธรรมมะของพระพุทธเจ้านี้ ที่นำมาปฏิบัติแล้วบังเกิดผลดีนานานัปประการเพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับปีติ สุขพร้อมด้วยปัญญาธรรมทุกๆท่านเทอญ"
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Kachawoot Narerk