ยกย่อง จิตวิญญาณความเป็นครู ครูหนุ่ม ยอมเสียสละชีวิตส่วนตัว สละเวลา ขับรถกระบะ พานักเรียนไปถ่ายรูปติดบัตร
ครูหนุ่มรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน บอกเล่าประสบการณ์การพานักเรียนไปถ่ายรูปไปตัวเมือง และพาเข้าเซเว่นฯ ก่อนได้พบข้อคิดบางอย่างในชีวิตการเป็นครู หลังได้ช่วยเหลือเด็กนักเรียน
"ทุกปีจะมีร้านถ่ายรูปมาถ่ายรูปนักเรียนเพื่อติดวุฒิเมื่อสิ้นปีการศึกษา
แต่ชีวิตของเด็กที่นี่ไม่มีโอกาสแบบนั้น เนื่องจากเราเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนชั้นป.6 แค่เพียง 4 คน จึงไม่มีร้านถ่ายรูปร้านไหนมาเพราะไม่คุ้มค่ากับการเดินทาง
แต่ละปีเด็กๆจะต้องให้พ่อแม่พาไปถ่ายรูปไกลถึงตัวเมืองที่อยู่ห่างออกไป
ถึง 20 กิโลเมตรแต่ถ้าเด็กอาศัยอยู่กับตายายหรือไม่มีรถส่วนตัวพวกเขาก็จะลำบากอย่างมากเพราะไม่มีรถประจำทาง
ผมเองซื้อรถกระบะมาก็ไม่ได้เจตนาที่จะให้มันเป็นรถโรงเรียน แต่เมื่อได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ที่ลำบากของนักเรียนแล้วอะไรที่พอช่วยได้ผมก็จะช่วย
ผมสัญญากับพวกเขาไว้ว่าเมื่อสิ้นปีการศึกษา จะพาไปถ่ายรูปและเที่ยวเล่นในเมือง เด็กๆดีใจกันมากเพราะหลายๆคนไม่มีพ่อแม่พาไป
อยู่ที่นี่ผมสอนคละชั้นคือเรียนพร้อมกันทั้ง ป.5 ป.6 เมื่อจะพาป.6ไป
ป.5ก็น้อยใจที่ถูกทิ้งไว้ พวกเขาจึงมาอ้อนวอนกับผม สุดท้ายจึงต้องพาไปกันทั้งหมด เด็กบางคนลงทุนแคะกระปุกออมสินเพื่อนำเงินไปซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อ
เชือกเส้นเล็กๆท้ายกระบะถูกมัดเพื่อที่จะไม่ต้องปิดฝาท้ายให้นักเรียนที่นั่งเบียดเสียดกันอึดอัด มันเป็นสิ่งที่ค้ำจุนการมีอยู่ของชีวิตทั้งหมดในนั้น
รถของผมไม่ได้กว้างขวางพอที่จะยัดนักเรียนไปทั้งหมดแต่เพราะอยากไปมากพวกเขาจึงยอมเบียดเสียดกันไปบนรถของผม
เชื่อหรือไม่ว่า การไปร้านสะดวกซื้อก็เป็นทักษะอย่างหนึ่ง
ในตอนที่เป็นเด็กนั้น ครั้งแรกที่ผมเข้าไปเห็นซาลาเปาในตู้นึ่ง
ผมอยากทานมากจึงหยิบไปจ่ายตังค์ พนักงานถามผมว่า
"น้องไม่ร้อนหรอคะ ?"
ผมเพิ่งรู้ในตอนนั้นว่าต้องใช้ที่คีบหรือเรียกพนักงานขาย ไม่ใช่ล้วงมือเข้าไปหยิบเองแบบนี้เพราะมันร้อน เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมอายและจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ สำหรับคนอื่นอาจจะมองว่า การไปร้านสะดวกซื้อไม่เห็นจะน่าตื่นเต้นตรงไหน แต่สำหรับผมและเด็กเติบโตมาในชนบทเข้าใจเลยว่ามันยิ่งใหญ่ขนาดไหน
เมื่อออกจากร้าน ผมเหลือบไปเห็นนักเรียนของผมคนหนึ่งซื้อขนมเพียงชิ้นเดียว จึงถามเขาว่า
"ทำไมไม่ซื้ออย่างอื่นเลย ?"
เขาตอบผมว่า
" ตั้งใจมาซื้อแค่ลูกอมรสนี้ครับ มันอร่อยมาก เคยกินครั้งเดียวตอนไปทัศนศึกษาเลยจำไว้ว่าต้องซื้อมันอีก"
เรื่องจริงอย่างหนึ่งของเด็กที่นี่คือ บางคนมีโอกาสเข้าไปในเมืองแค่ตอนทัศนศึกษาเท่านั้น
ครั้นเมื่อผมขอลองชิมกับเขาเม็ดหนึ่งก็พบว่ารสชาติของมันหอมหวานอร่อยจนทำให้ต้องหวนนึกไปถึงบรรยากาศในวัยเด็กที่ชอบลิ้มลองความหวานของลูกกวาด
"ทำไมกันนะ ตอนที่มีเงินแล้วเราจึงไม่อยากทานมันเหมือนตอนเป็นเด็ก"
ทุกปีผมจะพานักเรียนมาเที่ยวในเมืองปีละครั้ง แต่ละครั้งที่พามาผมมักจะเดินดูพวกเขาว่าซื้ออะไรในมือบ้าง เพราะเด็กบางคนต้องทนรับรสชาติขมขื่นที่ไม่มีเงินอย่างเพื่อน ผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น บางคนไม่มีเงินซื้อของเขาก็ไม่กล้าลงจากรถ ครั้งหนึ่งผมเคยให้เงินนักเรียนไปซื้อขนมเพราะเห็นว่าเขาไม่มีอะไรติดมือเลย แต่เด็กบางคนก็ไม่อยากรับไว้เพราะเกรงใจ ผมจึงบอกไปว่า
"ไม่เป็นไร ครูให้ยืม"
แต่จนถึงวันนี้ เงินนั้นผมก็ไม่เคยได้คืนหรอกแต่ก็สุขใจที่ได้ช่วยเหลือเขา
วันนี้เรื่องลูกอมรสองุ่นที่เด็กชายเล่าให้ฟังนั้นรสชาติของมันวิเศษอย่างแท้จริง แต่ผมก็รู้ว่าเหตุผลที่เขาไม่ซื้ออย่างอื่นไม่ใช่อย่างที่เขาบอกหรอก แท้จริงเเล้วเขาต้องใช้เงินส่วนหนึ่งเพื่อจ่ายค่าถ่ายรูปจึงซื้อขนมได้ชิ้นเดียว
บางอย่างที่เรารู้ความจริงแต่ก็ไม่จำเป็นต้องพูดมันหรอกและการอดกลั้นตัดใจในสิ่งที่ของที่อยากได้นั้นจะทำให้เราเข้มแข็งในอนาคต ความยากลำบากนี่แหละจะเป็นบทเรียนที่ดีที่สุด
มันจริงที่ว่า "ยิ่งฟ้ามืดเท่าไหร่ เรายิ่งเห็นแสงดาวได้ชัดเท่านั้น " วันนี้ก็เหมือนกัน ร้านถ่ายรูปร้านนี้กลายเป็นร้านประจำของโรงเรียนเราไปแล้วเพราะทุกครั้งที่มาเขาจะลดให้เราทุกครั้ง
วันนี้เด็กชายได้กินขนมนั่นก็เพราะส่วนลด ใครจะไปรู้ล่ะว่าสิ่งเล็กๆที่เราแบ่งปันให้กันในสังคม จะมอบโอกาสให้กับเด็กคนหนึ่งได้เติบโต
พบกันใหม่ปีหน้านะ"
ทั้งนี้ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกออนไลน์ บรรดาชาวเน็ตที่อ่านเรื่องราวที่เกิดขึ้น ต่างพากันเข้ามาคอมเม้นต์ชื่นชมและขอบคุณ ที่ครูหนุ่มรายนี้มักออกมาเเบ่งปันความรู้ ข้อคิด และประสบการณ์ จากการเป็นครู ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและกำลังใจให้คนที่ประกอบอาชีพครูได้เป็นอย่างดี
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก วันนั้นเมื่อฉันสอน