สืบเนื่องจาก พิมรี่พาย ได้เดินทางไปยังพื้นที่ทุรกันดารในภาคอีสาน ในพื้นที่ที่แห้งแล้งเพราะขาดน้ำ โดยพบว่าปีปีหนึ่งจะแล้งนานถึง 6-8 เดือน ชาวบ้านก็ประสบปัญหาเรื่องทำการเกษตรทำให้เดือดร้อนกันไปถ้วนหน้า และใช้งบประมาณเพียงแค่ 190,000 บาท
ต่อมา ราคาดังกล่าวในงบประมาณของพิมรี่พายถูกนำไปเปรียบเทียบกับงบประมาณของ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ทั้งนี้ได้มีการการเผยภาพบัญชีรายละเอียดการจัดซื้อรถชุดขุดเจาะบ่อบาดาล งบประมาณเพิ่มเติม ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จำนวน 3 ชุดในวงเงิน 105 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ พิมรี่พาย ที่ทำทุกอย่างในงบเพียงแค่ไม่ถึง 200,000 บาท ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ต่อมา โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ระบุว่า ราคาจะแพงหรือไม่แพงขึ้นอยู่กับความลึกของบ่อน้ำบาดาล ถ้าขุดลึกก็ใช้งบประมาณมาก ถ้าขุดตื้นก็ใช้งบประมาณน้อย บ่อน้ำทั้งหมดจะเท่ากันได้อย่างไร เพราะบางทีบ่อลึก 300 ถึง 400 เมตร จะให้ราคาขุดเท่ากับบ่อที่มีความลึก 30 เมตรได้อย่างไร และท่อที่ใส่ไปก็ไม่เหมือนกัน ขณะที่นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล สั่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบบ่อพิมรี่พาย เป็นบ่อบาดาลลึกแค่ 40 เมตร สูบน้ำได้ 4 ลบ.ม.ต่อชั่วโมง ช่วยชาวบ้านได้เพียง 1-2 ครัวเรือนเท่านั้น
ล่าสุด นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ ความว่า ผมไม่รู้บ่อนี้ลึกถึง 300 เมตรป่าวนะ รู้อย่างเดียว สร้างในตำแหน่งที่ชาวบ้านไม่ขอ และตั้งแต่สร้างมา ยังไม่มีน้ำสักหยดออกมาเลย ที่ทุเรศคือ แม้แต่เดินสายไฟยังไม่เสร็จ บอกให้รู้อีกนิด งบเกี่ยวกับภัยแล้งปีละ 81,000 ล้าน นะครับ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก EasyYukhon