สืบเนื่องจากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัวถึงประเด็นการที่นายสรยุทธ์ จุลานนท์ หวนกลับคืนสู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง ที่จะกลับมารับหน้าที่พิธีกรข่าวในเดือนพฤษภาคม 2564 ภายหลังจากได้รับการพักโทษและปล่อยตัว ว่า เป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมแห่งวิชาชีพโดยชัดแจ้ง ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่บุคคลดังกล่าว จะกลับมาทำหน้าที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง เพราะบุคคลที่ทำหน้าที่พิธีกรหรือนักเล่าข่าว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม โดยมีประวัติที่ไม่ด่างพร้อย
ล่าสุดนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาโต้กลับนายศรีสุวรรณ ผ่านเพจเฟสบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยระบุว่า ประเทศไทย จำต้องอยู่แบบเงียบ ๆ เจียมเนื้อ เจียมตัว นักร้องเมืองไทยมันเยอะ ร้องไปได้ทุกเรื่อง แม้แต่หมากัดกันคงร้อง แสงตัวเองไม่มี ต้องอาศัยแสงคนอื่น สมัยนี้เรียก “พวกหิวแสง อยากเรียกกระแส” สรยุทธออกข่าว กลับมาเป็นกรรมกรข่าวเหมือนเดิม
ไม่ทราบว่าทำให้ใครเดือดร้อน? ในเมื่อศาลพิพากษาว่าผิดให้จำคุก ไม่ได้ตัดสินห้ามเขาประกอบอาชีพตลอดชีวิต อาชีพสื่อไม่ได้กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ถ้าคนดูเขาเห็นว่าไม่เหมาะสมเขาก็ไม่ดู แค่กดรีโมท เปลี่ยนช่อง กสทช. องค์กรกลางกำกับสื่อ คงไม่เส้นตื้น สะดุ้งกับนักร้องเรื่อยเปื่อย ต้องหนักแน่นให้สมกับเป็นองค์กรคุมสื่อ ไม่ใช่ไปให้ราคา วิจารณญาณต้องมี การไปทำในสิ่งที่เป็นอาชีพสุจริต ที่เคยทำมาทั้งชีวิต มันไปหนักกระบาลใครไม่ทราบ? ทำให้นึกถึง สุนทรภู่ที่ว่าไว้ “จงทำดีแต่อย่าเด่น จะเป็นภัย ไม่มีใครอยากเห็นเราเด่นเกิน”
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์
ขอบคุณภาพประกอบข่าวเพิ่มเติมจาก EasyYukhon