เด็กชาย วัย 13 ปี ผู้มีน้ำหนัก 200 กิโลกรัม พิการเป็นออทิสติก พูดไม่ได้ ยายเพิ่งเสียชีวิต มีเพียงตา อายุ 80 ปี ดูแล ตอนนี้ลำบากมาก ญาติจึงร้องไปยังมูลนิธิปวีณา เพื่อขอความช่วยเหลือ ด้านปวีณา เร่งประสานหน่วยงานพัฒนาสังคมฯ เข้าช่วย พร้อมขอผู้ใจบุญ หาโรงพยาบาลรักษาอาการน้องด้วย
ทางเพจ มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เผยว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 64 ญาติ ด.ช.อ้วน วัย 13 ปี มีน้ำหนักตัวกว่า 200 กิโลกรัม พิการเป็นออทิสติก พูดไม่ได้ อาศัยอยู่หมู่ 7 ต.บ้านแดน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ ทางเพจเฟสบุ๊ก บ้านมีฐานะยากจนและยายที่ดูแล ด.ช.อ้วน ก็มาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา จึงมีเพียงตา อายุ 80 ปี และญาติเป็นคนดูแล ด.ช.อ้วน ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ
หลังทราบเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ได้โทรศัพท์ติดต่อไปยัง นายบุญเลิศ ฉ่ำเสนาะ อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นตาเขยของ ด.ช.อ้วน และเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน อาศัยอยู่บ้านใกล้กัน โดยนายบุญเลิศ เล่าว่า "น้องอ้วนมีชีวิตที่น่าสงสาร แม่ป่วยเป็นมะเร็งสมองเสียชีวิตตั้งแต่น้องอ้วนอายุได้ 3 ขวบ พ่อไปมีครอบครัวใหม่ แต่ก็ยังแวะมาหาลูกบ่อยๆ
ส่วนตากับยาย คือ นายเฉลียว แจ่มประแดง อายุ 80 ปี และนางสายทิ้ง วรรณกูล อายุ 74 ปี ทั้งสองเป็นคนเลี้ยงน้องอ้วนมาตั้งแต่เล็กๆ รักหลานมากแม้หลานจะเป็นใบ้และเป็นออทิสติกก็จะคอยดูแลหลานไม่ให้คลาดสายตาตั้งแต่เล็กจนโต กระทั่งยายต้องมาจากไปเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทำให้น้องอ้วนมีอาการซึมเศร้าอย่างยิ่ง
น้องอ้วนช่วงประมาณ 4 ขวบ ก็เริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ แต่ทุกคนก็มองว่าเป็นเรื่องของเด็กที่กินเยอะ กระทั่ง 3-4 ปี ที่ผ่านมา น้องอ้วนน้ำหนักตัวจะขึ้นเร็วและอ้วนขึ้นมาก แต่ละมื้อน้องอ้วนจะกินข้าว 2 จานโตๆ กินนมวันละ 4-5 กล่อง และกินขนมประจำ เวลาที่น้องอ้วนหิวถ้าใครหาให้กินไม่ทันใจก็จะเอะอะอาละวาด ตายายก็ได้พาไปพบแพทย์และรักษาอาการทางจิตเวชอยู่โดยใช้สิทธิบัตรทอง และบัตรคนพิการ
“ทุกวันนี้น้องอ้วนจะนอนเหมือนคนทั่วไปไม่ได้ ต้องนั่งหลับเพราะหายใจติดขัด เดินได้ในระยะสั้นๆ เหนื่อยง่าย เสื้อผ้าไซส์ใหญ่ที่สุดก็ใส่ไม่ได้แล้ว ต้องนำเสื้อตัวใหญ่ๆ 2 ตัว แบบผ้ายืดมาตัดเย็บต่อกันจึงจะใส่ได้ แต่น้องอ้วนจะไม่ชอบใส่เสื้อผ้าเพราะบ่นร้อนและมักนำสายยางมาฉีดน้ำใส่ตัวอยู่เป็นประจำ เวลาที่จะพาไปหาหมอจิตเวชน้องอ้วนก็นั่งในรถไม่ได้ ต้องนั่งท้ายกระบะ ซึ่งตอนหลังน้องอ้วนก็จะไม่ยอมไปหาหมอเพราะขึ้นรถลำบาก”
ส่วนเรื่องโรคอ้วน น้องอ้วนยังไม่ได้ไปรับการรักษาที่ไหนเพราะครอบครัวยากจนอาชีพทำไร่ทำนา และรับจ้างทั่วไป มีลุงของน้องอ้วน 2 คน ที่คอยหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว รายได้ไม่แน่นอนเพราะอาชีพรับจ้างก็ไม่มีงานทุกวัน และช่วง 5 เดือนหลังมานี้ นางสายทิ้ง ยายของน้องอ้วน ป่วยเป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบต้องเข้าออกโรงพยาบาลครอบครัวจึงเดือดร้อน บางครั้งเงินไม่พอต้องหยิบยืมญาติพี่น้องมาใช้จ่าย ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยส่งน้องอ้วนไปรักษาด้วย เพราะเด็กอ้วนมากเกรงว่าโรคจะรุมเร้าและเป็นอันตราย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี