สถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยวันนี้ 29 เม.ย. 64 ติดเชื้อเพิ่ม 1,871 ราย สะสม 63,570 ราย รักษาหาย 992 ราย สะสม 35,394 ราย กำลังรักษา 27,988 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 10 ราย สะสม 188 ราย รายละเอียดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ระบบเฝ้าระวังฯ 1,830 ราย คัดกรองเชิงรุก 34 ราย ต่างประเทศ 7 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงหลังการประชุม ศบค.ชุดใหญ่วันนี้ว่าที่ประชุมมีมติคุมเข้ม พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, เชียงใหม่ และชลบุรี พร้อมขอความร่วมมืองดเดินทางออกนอกพื้นที่ แต่ไม่ใช่เคอร์ฟิว มีผลตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 1 พ.ค. 64
โดยมาตรการดังนี้ ต้องสวมหน้ากากเมื่อออกนอกเคหสถาน หรืออยู่ในสถานที่สาธารณะ ห้ามกิจกรรมรวมตัวมากกว่า 20 คน งดรับประทานอาหารในร้านซื้อกลับบ้านได้ไม่เกิน 21.00 น.ร้านสะดวกซื้อ เปิด 04.00 – 23.00 น. ปิดสถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า เปิดไม่เกิน 21.00 น. (จำกัดจำนวนคน งดส่งเสริมการขาย สถานศึกษาห้ามใช้อาคารสถานที่จัดการเรียนการสอน ปิดสถานที่เสี่ยง ยกเว้นกีฬากลางแจ้งไม่เกิน 21.00 น. แข่งขันโดยไม่มีผู้ชม งดเดินทางออกนอกพื้นที่
ซึ่งเป็นการยกระดับ มาตรการการป้องกัน โดยแบ่งปรับระยะเวลาการกักตัวเป็น 14 วันสำหรับผู้เดินทางมาในราชอาณาจักร โดยจากที่ปรับเป็น 7 หรือ 10 วันให้ปรับมาเป็น 14 วันทุกประเภท และไม่อนุญาตให้ออกจากห้องพักยกเว้นเพื่อทำการตรวจหาเชื้อและรักษาพยาบาล แต่สำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 หรือผู้ที่ได้รับอนุมัติก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 และเดินทางถึงราชอาณาจักรนับตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไปจะต้องตรวจหาเชื้อ 3 ครั้ง
ทางด้านพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศปก.ศบค. เสนอให้ศบค. เห็นชอบให้มีการดำเนินการตามศบค. ด้านการแพทย์และสาธารณสุขเสนอ นอกจากนี้ให้ส่วนราชการ และหน่วยงานของรัฐเจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบการเอกชนพิจารณาดำเนินการ work from home มาตรการขั้นสูงสุดอย่างน้อย 14 วัน เพื่อลดการรวมกลุ่มของบุคคล อาจจะเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยการลดการแพร่ระบาดของโรคอย่างเป็นรูปประธรรม ซึ่งอาจเป็นตัวช่วยที่สำคัญที่สุดเมื่อไม่ประกาศน็อคดาวน์หรือเคอร์ฟิว สิ่งที่จะช่วยได้คือการ work from home
พร้อมขอให้ศบศ. กรุณาพิจารณากำหนดมาตรการเยียวยาเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกระดับมาตรการในครั้งนี้โดยเร่งด่วน และขอให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพัฒน สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับภาคประชาชนเร่งรัดในการช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย และประชาชนกลุ่มเปราะบางอย่างเต็มขีดความสามารถ และให้ศปก.ศบค.ประสานงาน กับคปภ.ในการจัดให้มีระบบประกันสุขภาพให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อตามข้อห่วงใยของผอ.ศบค.โดยเร็วที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก EasyYukhon