สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 64 นายวรวุฒิ อุ่นใจ รองหัวหน้าพรรคกล้า ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านทางเฟสบุ๊ก Worawoot Ounjai แสดงความเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการวัคซีน ในขณะนี้ โดยระบุข้อความเอาไว้ว่า เมื่อรัฐ พร้อมที่จะฉีดวัคซีนแล้วควรจะประกาศไปเลยว่า ใครไม่ยอมฉีดวัคซีนจะเสียสิทธิ์รักษาฟรี ใครฉีดวัคซีนแล้วแพ้ รัฐจ่ายให้สองหมื่นบาท เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนรัฐจ่าย1ล้านบาท
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข้อความดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ได้เกิดกระแสดราม่าตีกลับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ทางด้าน นายวรวุฒิ รองหัวหน้าพรรคกล้า จึงได้ออกมาอธิบายชี้แจงข้อความดังกล่าวเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจากโพสต์เมื่อเช้า (10 พ.ค. 64) ขอขยายความและเพิ่มเติมรายละเอียดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องดังนี้ครับ เมื่อรัฐบาลพร้อม หมายความว่ารัฐมีวัคซีนพอเพียงพร้อมฉีด และมีหลากหลายแบรนด์ ที่ใช้ฉีดกันในประเทศต่างๆสัก 4-5 แบรนด์เป็นทางเลือก รัฐมีกำลังในการฉีด และทอดระยะเวลายาวนานเพียงพอเช่นภายใน6เดือนที่จัดระดมฉีดให้กับประชาชน ประชาชนต้องไม่ได้มีปัญหาสุขภาพ หรือโรคประจำตัวใด ๆ อันทำให้ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้รัฐทำได้ถึงขนาดนี้แล้ว ใครยังไม่ยอมฉีดก็ควรมีมาตรการจัดการด้วยแล้ว และการเสียสิทธิ์รักษาฟรีหมายถึงโรคโควิดเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรคอื่นใด หรือสิทธิ์จากประกันสังคม
ผมคิดว่า เราต้องรณรงค์การฉีดวัคซีนให้มากและเร็วที่สุด ดังนั้นถ้าใครยังไม่ยอมฉีดโดยไม่มีเหตุอันควร ก็ควรจะต้องรับผลถ้าหากติดโควิด และเป็นส่วนหนึ่งของการแพร่ระบาด และริดรอนสิทธิ์คนอื่นที่ต้องติดโควิด ดังนั้นการหมดสิทธิ์รักษาโควิดฟรี น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้ตื่นตัวและเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง วันนี้ เรามีการปล่อยข่าวและสร้างการตื่นกลัวในวัคซีนกันมากมาย จนคนขาดความเข้าใจ และไม่กล้าฉีดวัคซีน
เศรษฐกิจจะฟื้นไม่ได้เลย ถ้าประชาชนไม่ยอมฉีดวัคซีนและหยุดโรคระบาดไม่ได้ แพทย์ทุกคนก็ลงความเห็นแล้วว่าการฉีดวัคซีน เป็นหนทางเดียวที่จะสกัดโรคระบาด การที่บางคนไม่ยอมฉีดวัคซีน โดยไม่มีเหตุจำเป็นอันควร อาจทำให้ผู้ประกอบการอีกนับล้านรายต้องปิดกิจการหมดเนื้อหมดตัวปัญหาสังคม ปัญหาอาชญากร โจรผู้ร้ายชุกชุมจะตามมาอีกมหาศาล รัฐต้องเร่งดำเนินการฉีดวัคซีน ให้มากและเร็วที่สุด ขณะเดียวกันต้องสร้างความมั่นใจให้ประชาชนด้วยว่า ถ้าแพ้วัคซีน รัฐยินดีรักษาให้ฟรีและมอบเงินชดเชยเยียวยาอีกรายละ2หมื่นบาท ถ้ามีรายใดรายหนึ่งเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีน รัฐชดเชยให้รายละ1ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการฉีดวัคซีนนั่นเอง เรื่องแบบนี้ รัฐบาลต้องมีทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งครับ แน่นอนทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อเสนอของผมเท่านั้น รายละเอียดในการปฎิบัติยังมีเรื่องที่ต้องพูดคุยในวิธิปฎิบัติ หรือข้อยกเว้นต่างๆ เพราะภัยโควิดเป็นภัยที่ส่งผลเสียต่อประเทศอย่างรุนแรง ตัวอย่างก็มีให้เห็นในหลายประเทศแล้ว สื่อและพรรคการเมืองใด ที่เอาเรื่องโควิดมาเป็นเกมการเมือง ต้องตระหนักให้มากๆ ว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเอาชนะคะคานทางการเมือง จ้องดิสเครดิตรัฐบาลจนประชาชนหวาดกลัววัคซีนกันไปหมด เรื่องแบบนี้ ต้องรู้จักคิดและเห็นแก่ประเทศชาติเป็นสำคัญครับ
ขอบคุณข้อมูลจาก Worawoot Ounjai