สาวเลี้ยงแมว ออกมาเปิดเผยอุทาหรณ์ หลังโดนแมวกัดจนเป็นแผล ก่อนแบคทีเรียจะกินเนื้อจนต้องผ่าตัด หมอเห็นแผลถึงกับช็อก
สำนักข่าว คมชัดลึก รายงานว่า หญิงสาวรายหนึ่ง ได้ออกมาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่า เมื่อช่วงวันที่ 15 เมษายน 2564 เธอถูกแมวที่เลี้ยงไว้กัด จนเป็นเเผลลึก จึงทำการทำความสะอาดแผลด้วยน้ำสบู่ ทาแอลกฮอล์และเบาตาดีน
แต่ผ่านไป 3 วัน เท้าของเธอกลับบวมมาก จนเดินไม่ได้ จนต้องไปโรงพยาบาลแพทย์เเจ้งว่าเธอติดเชื้อ พร้อมทั้งให้ยามากินและนัดมาพบอีกครั้งในอีก 3 วัน ระหว่างนั้นเธอมีอาการปวดแสบปวดร้อนที่เท้ามาก ราวกับถูกไฟไหม้ จนต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง เพราะเท้าบวมมาก
ทางโรงพยาบาลจึงให้เธอแอดมิท พร้อมทั้งให้ยาทั้งแบบฉีดและกิน แต่เท้าก็ยังบวมขึ้นเรื่อยๆ และมีจ้ำสีม่วง ตรงแผลของเธอที่โดนแมวกัด จนแพทย์ต้องตัดสินใจให้ผ่าตัดเพื่อระบายหนองออกจากแผล
หลังผ่าตัด เธอก็ยังคงปวดเท้ามาก แม้กินยาแก้ปวดก็ไม่ได้ช่วย ทำได้แค่ร้องไห้ทั้งคืนเพื่อระบายความเจ็บปวด โดยที่ไม่รู้ว่าแผลเป็นอย่างไรบ้าง เพราะผ้าพันไว้ เมื่อแพทย์มาเปิดเเผลดูก็ถึงกับช็อก เมื่อได้เห็นสภาพเท้าของเธอ เพราะเธอเป็นโรค แบคทีเรียกินเนื้อ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อน้ำลายของสัตว์ ซึ่งแบคทีเรียจะกินเนื้อจนเป็นเนื้อตายที่รักษาไม่ได้ ต้องทำการผ่าตัด และกรีดระบายหนองออกมา
ทุกวันที่รักษาตัวคือ ช่วงเวลาที่แสนเจ็บปวด แพทย์จะบีบเท้าเธอทุกวันเพื่อบีบหนองออกมาทุกวัน ซึ่งเธอต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ในการรักษาตัวครั้งนี้ หนองจะไม่ออกมาเหมือนเวลาบีบหนองทั่วไป แต่หนองจะแทรกไปตามเนื้อ
เธอรู้แย่ที่สุดในชีวิต ยิ่งกว่าตอนผ่าหมอนรองกระดูก เธอต้องทำแผลเป็นเวลา 10 วัน และฉีดยาปฏิชีวนะเข้าเส้น ทุก 4 ชั่วโมง 10 วัน ยาตัวหนึ่งมีผลทำให้เส้นเลือดของเธอแสบตลอดเวลา ซ้ำยังมีผลข้างเครียง ทำให้คลื่นไส้ และอารมณ์แปรปรวน
ผ่านไป 11 วัน เธอก็ไม่มีหนองที่ขาแล้ว และตัดเนื้อตายสีดำทั้งหมดออกแล้ว ก่อนนอนพักรักษาตัวต่ออีก 3 วัน แล้วจึงกลับไปพักฟื้นที่บ้าน รวมๆแล้วเธอต้องรักษาตัวนานทั้งหมด 13 วัน หลังถูกแมวกัดจนเป็นแผล โดยต้องไปโรงพยาบาลทำแผลทุก 2 วัน เพื่อฟื้นฟูเนื้อด้วยโปรตีน หลังถูกตัดเนื้อออกไปเยอะ
ขณะนี้ผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 1 เดือนแล้ว เธอเริ่มกลับมาทำงานรีวิวได้อีกครั้ง แต่ทุก 2 วัน เธอก็ยังคงต้องทำแผลเหมือนเดิม จึงอยากเตือนทุกคนที่ภูมิต่ำ ไว้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจคนเลี้ยงแมวหรือสัตว์อื่นๆว่า น้ำลายสัตว์นั้นอันตรายมาก อยากให้ระวังเรื่องการติดเชื้อไว้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คมชัดลึก