เรื่องราวพยาบาลสาว ประสบอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ต่อมาน้องอุ้มถูกส่งตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์บินด่วน เข้ารักษาต่อที่รพ.ราชวิถี ซึ่งก่อนเกิดอุบัติเหตุ เพื่อนสนิทได้โพสต์ภาพแชทของน้องอุ้ม เธอบอกกับเพื่อนว่า “โรงพยาบาลไม่ได้มีเธอคนเดียวแต่มีคนไข้หลายคน” นับว่าเป็นข้อความที่สื่อถึงความจริงจัง และตั้งใจในการทำงานของเธอ ทำให้โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก

ซึ่งทางเพจเรื่องเล่าหมอชายแดน ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับน้องอุ้มว่า " น้องอุ้มเข้าศึกษาพยาบาลในโครงการผลิตพยาบาลเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชน ในจังหวัดชายแดนตามรอยสมเด็จย่า โครงการนี้ได้เปิดโอกาสให้บุตรธิดาของข้าราชการตำรวจ ทหารชายแดน ได้เข้าเรียนเพื่อจบออกมาทำงานที่พื้นที่ชายแดนห่างไกล ที่ๆใครก็ไม่อยากมาทำงาน ทุรกันดารห่างไกลความเจริญ

ซึ่งคุณพ่อน้องอุ้มทำงานเป็นตำรวจตระเวนชายแดนที่อุ้มผาง เคยไปรับราชการที่ชายแดนใต้หลายปี เธอจึงได้เข้าร่วมโครงการนี้ และจะได้มาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว ชาวบ้านก็จะได้มีที่พึ่ง ข้าราชการก็ไม่ได้หนีจากพวกเขาไปไหนเรียกได้ว่า ทำงานแบบสำนึกรักบ้านเกิด
น้องอุ้มเป็นคนสวยน่ารัก น่าทะนุถนอม แต่พ่อบอกว่าตัวจริงแข็งแกร่งมาก ชอบเล่นกีฬา โดยเฉพาะบาสเก็ตบอล และออกกำลังกายเป็นประจำ พี่ๆเพื่อนๆที่ทำงานบอกว่าเธออยู่โรงพยาบาลอุ้มผางเข้าปีที่ 4 เธอขยันทำงาน อารมณ์ดี สดใส มีน้ำใจกับทุกคนเสมอ

ปกติจะประจำอยู่วอร์ดหลังคลอด ชอบเล่นกับลูกคนไข้ มีเวรรีเฟอร์คนไข้เฉลี่ย 2-3 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ บางทียอมขึ้นเวรแทนพี่ๆที่ไปไม่ไหว อุ้มบอกพ่อว่าเดินทางบ่อยขนาดนี้เมื่อไหร่ไม่รู้จะถึงคิวน้อง ซึ่งคิวในความหมายของอุ้มก็คือ การเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด
การรีเฟอร์คนไข้ออกจากอุ้มผางมาโรงพยาบาลแม่สอด หรือโรงพยาบาลที่ไกลกว่านั้น เป็นเรื่องยากมาก ไหนจะต้องดูแลคนไข้ที่อาการหนักกว่าปกติ เพราะที่อุ้มผางเป็นพื้นที่ทุรกันดาร คนไข้มักเข้าถึงบริการช้า จนอาการทรุดหนัก บางพื้นที่ใช้เวลาเดินมาเป็นวันๆ

ดูแลคนไข้ที่โรงพยาบาลว่ายากแล้ว ดูแลคนไข้ในรถลำบากกว่ามาก ต้องให้น้ำเกลือ ฉีดยาในสภาพที่รถกำลังวิ่งโค้งไปโค้งมาต้องใช้ทักษะมากทีเดียว แถมต้องปลดเข็มขัดนิรภัยบ่อยๆเพราะดูแลคนไข้ไม่ถนัด ไหนจะถนนหนทางที่คดเคี้ยว ระยะทาง 164 กิโลเมตร 1,219 โค้ง เวลา 3.5 ชั่วโมงที่แสนทรมาน
เพื่อนของน้องอุ้ม ชื่อเบียร์ เล่าว่า สมัยก่อนที่เบียร์ไปอยู่อุ้มผางก็ออกมาส่งคนไข้บ่อยๆ มาถึงแม่สอดดูจะแย่กว่าคนไข้เสียอีก ต้องเอาถุงอ้วกที่เต็มไปด้วยน้ำดีห้อยหูไว้เลย นับถือเจ้าหน้าที่ รพ อุ้มผางจริงๆ ที่ไม่เคยย่อท้อ ขอเพียงนำส่งคนไข้มาที่โรงพยาบาลแม่สอดได้อย่างปลอดภัย ดึกดื่นแค่ไหนถ้าคนไข้รอไม่ได้ พวกเขาก็ไม่รอ

โรงพยาบาลอุ้มผางได้พัฒนาหลายด้านเพื่อให้รองรับผู้ป่วยหนักให้ได้มากที่สุดเพื่อลดการรีเฟอร์ เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร เช่นการเพิ่มหมอเฉพาะทาง การตั้ง ICU ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก มีห้องผ่าตัดแบบมาตรฐาน มีโรงพยาบาลชุมชนไม่กี่แห่งในประเทศไทยที่ยังเปิดผ่าตัดอยู่มีที่นี่ค่ะ 4 อำเภอชายแดนตาก แต่ด้วยความถี่ในการรีเฟอร์ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกมากกว่า 750 ครั้งต่อปีความเสี่ยงก็ไม่อาจหมดไป จนมาเกิดอุบัติเหตุรุนแรงครั้งนี้
น้องอุ้มบาดเจ็บทางสมองเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลแม่สอดโดยคุณหมอกัลยา ศัลยแพทย์ผ่าตัดสมองที่ตั้งใจทำงานหนักมากที่ชายแดนมาตลอด การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี ไม่มีภาวะแทรกซ้อน เมื่อน้องพอที่จะเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย เราได้ส่งตัวน้องต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีที่มีความพร้อมมากกว่าโดยลำเลียงทางอากาศยาน sky doctor

โดยความช่วยเหลือจากกระทรวงสาธารณสุข รับน้องเป็นคนไข้ในความดูแลและสัญญาว่าจะดูแลคนในหน่วยงานของเราอย่างดีที่สุด เพราะเขาบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อผู้ป่วยด้วยความทุ่มเทและเสี่ยงภัย
เบียร์มีส่วนร่วมในทีมประสานงานช่วยเหลือน้องอุ้ม ขอเป็นตัวแทนขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยเหลือให้น้องปลอดภัย ทั้งส่วนการรักษา การลำเลียงส่งต่อ การบริจาคเลือด บริจาคทรัพย์ และการจัดการเรื่องต่างๆ
ขอกำลังใจคนไทยทุกคนส่งให้กับพยาบาลตัวน้อยของชายแดนตากตะวันตกคนนี้ ให้กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง มีรอยยิ้มที่สดใสให้กับคนไข้ของเธอ และพวกเราทุกคนอีกครั้ง กลับมาเป็นเทียนเล่มน้อยที่ส่องแสงเพื่อผู้คนที่ชายแดนแห่งนี้เร็วๆนะน้องอุ้ม

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก เรื่องเล่าหมอชายแดน