จากประเด็นการสูญเสียครั้งสำคัญ ของวงการแพทย์ ที่โชคร้าย ต้องจากไปเพราะความประมาณของผู้ขับขี่ ขณะที่กำลังเดินข้ามทางมาลายนั้น วานนี้ ( 24 ม.ค. 65 ) ในช่วงตอนหนึ่ง ของรายการโหนกระแส

นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพี่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย ได้เผยข้อมูลสำคัญ เกี่ยวกับการเกิดเหตุร้าย ขณะข้ามทางม้าลายว่า
นพ.ธนะพงศ์ : คิดว่าเราต้องยกระดับเรื่องนี้ ถ้าจะส่งสัญญาณจริงจัง เราสามารถใช้การนำเทคโนโลยี คนในสังคมเริ่มเรียนรู้ ถ้าเขาทำพฤติกรรมนี้แล้วไม่รอด อาจมีกล้องหน้ารถ CCTV ผมว่าอย่างแรกต้องให้เขารับรู้เรื่องนี้ สองพอเขาถูกดำเนินคดี ต้องให้เขารู้สึกว่ามันไม่คุ้ม เช่น ทั้งค่าปรับ และส่งข้อมูลชุดนี้ให้สังคมรับรู้ว่าเขาได้ทำความผิดเรื่องนี้ หรือส่งให้ต้นสังกัดได้รับรู้

ถ้าเราทำอย่างนี้สม่ำเสมอ พฤติกรรมลักษณะนี้ก็จะเริ่มถูกพูดถึง พูดง่ายๆ คือตร.ก็มีคนมาช่วยจัดการเรื่องนี้ หลายๆ ประเทศ เขาอาจมีต้นทุนที่ดี มีวิถีสังคมที่ให้ความสำคัญกับทางม้าลาย ปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ของเราไม่มีต้นทุนแบบนั้น ของเราในการทำเรื่องนี้ ต้องมาเน้นเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย
ปีนึงคนใช้ถนนแล้วเดินข้ามทางม้าลาย ตายกี่คน?
นพ.ธนะพงศ์ : ปีนึงตัวเลข 6 เปอร์เซ็นต์ของคนเดินถนน เฉลี่ยต่อปีก็ประมาณ 2 หมื่น 6 เปอร์เซ็นต์ก็ประมาณ 1,200 ในจำนวนนี้ 1 ใน 3 ก็ตกประมาณ 400-500 คิดง่ายๆ คือ 500 ก็ได้ อาจวันละคนสองคน

เฉลี่ยปีนึงคนข้ามทางม้าลายแล้วตาย ปีนึง 500 คนประมาณนั้น ผมว่ามันมากกว่าวันละคนนะ เกือบ 2 คนต่อวัน?
นพ.ธนะพงศ์ : ก็คือทั้งประเทศ แล้วอีกอย่างเรื่องนี้จะว่าไปต้องขยับเป็นวาระให้มีการจัดการ แต่พอพูดถึงวาระ ก็อดคิดไม่ได้ว่าบ้านเรามีเรื่องแบบนี้ซ้ำๆ ถ้าจำได้ปี 62 มีเคสน้องลิ้นจี่ที่มาทำงานวันแรกแล้วถูกรถชนตาย บิ๊กไบค์ชนที่แยกผังเมือง ทำงานวันแรก หลังจากนั้นก็มีรองนายกฯ มาบอกว่าเรื่องนี้ต้องมีการจัดการอย่างจริงจัง สังคมเราก็แต่อย่างนี้ เน้นแต่เรื่องสั่งการ จะทำยังไงให้มีการลงมือทำและการติดตาม

นอกจากนี้ทางพ.ต.อ.สุกิจ อรุณฤกษ์ถวิล รอง ผบก.จร. ก็ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทางม้าลาย ในประเด็นที่ คุณ หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย สอบถามเพิ่มเติมว่า
กฎหมายทางม้าลายเขามีข้อจำเพาะอะไรบ้าง?
พ.ต.อ. สุกิจ : ตามพ.ร.บ.จราจรทางบก ระบุไว้ครบถ้วนหมดเลย ว่าหนึ่งผู้ขับขี่ต้องปฏิบัติ ตามเครื่องหมายที่ปรากฎบนพื้นทาง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหมายไฟแดง สัญญาณให้เลี้ยว สัญญาณระมัดระวังอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งรวมทางม้าลายด้วย สองทางม้าลายกฎหมายระบุไว้เลยว่าผู้ขับขี่ต้องขับอย่างระมั ดระวัง และให้สิทธิ์ผู้ข้ามทางไปก่อน ตรงนี้ชัดเจน ตัวบทกฎหมายระบุไว้ชัดเจน สำคัญอยู่ที่ผู้ขับขี่ปฏิบัติ ตามกฎจราจรหรือไม่
บางคนบอกตร.เองไม่จริงจัง มองยังไง?
พ.ต.อ. สุกิจ : ตอนนี้จับวันนึงจำนวนมากมาย ทุกความเร็ว ไม่ว่าไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จักรยานยนต์ไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย จับอยู่ตลอด จำเพาะเรื่องทางม้าลายไม่ค่อยเห็น

ถ้ามีทางม้าลาย มีคนข้าม แล้วรถมาปาดออกเลย?
พ.ต.อ.สุกิจ : ถ้ามีหลักฐานก็ต้องดำเนินคดีครับ ถ้ามีความผิด ถ้ามีคนจะข้ามแต่รถไม่ให้ข้ามถือว่าเป็นความผิด อัตราโทษปรับไม่เกิน 1 พันบาท
จะมีหน่วยงานไหนไปยืนจับก็ลำบาก ?
พ.ต.อ.สุกิจ : เรียนตามข้อเท็จจริงว่า การบังคับใช้กฎหมาย ณ ขณะนี้ มีอุปสรรคบางประการ เนื่องจากเมื่อไม่กี่ปีมานี้ เวลาตร.ออกใบสั่ง ไม่มีการยึดใบขับขี่แล้ว ก็มีประชาชนจำนวนมากเก็บไว้อย่ างที่เป็นข่าว บางคนโดน 10-20 ใบไม่ไปเสียค่าปรับ มันเป็นปัญหาแรก พอประชาชนไม่เคารพกฎหมาย พูดง่ายๆ ทำผิดก็ผิดไป ไม่ยอมเสียค่าปรับซะอย่าง การบังคับใช้กฎหมายก็อ่อนแอลงไป

เหมือนทางฝั่งประชาชนเอง ไม่เคารพกฎหมาย ท่านมองอย่างนี้มั้ย?
นพ.ธนะพงศ์ : คิดว่าเราต้องยกระดับเรื่องนี้ ถ้าจะส่งสัญญาณจริงจัง เราสามารถใช้การนำเทคโนโลยี คนในสังคมเริ่มเรียนรู้ ถ้าเขาทำพฤติกรรมนี้แล้วไม่รอด อาจมีกล้องหน้ารถ CCTV ผมว่าอย่ างแรกต้องให้เขารับรู้เรื่องนี้ สองพอเขาถูกดำเนินคดี ต้องให้เขารู้สึกว่ามันไม่คุ้ม เช่น ทั้งค่าปรับ และส่งข้อมูลชุดนี้ให้สังคมรับรู้ว่า เขาได้ทำความผิดเรื่องนี้ หรือส่งให้ต้นสังกัดได้รับรู้ ถ้าเราทำอย่างนี้สม่ำเสมอ พฤติกรรมลักษณะนี้ก็จะเริ่มถูกพูดถึง พูดง่ายๆ คือตร.ก็มีคนมาช่วยจัดการเรื่ องนี้ หลายๆ ประเทศ เขาอาจมีต้นทุนที่ดี มีวิถีสังคมที่ให้ความสำคัญกับทางม้าลาย ปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ของเราไม่มีต้นทุนแบบนั้น ของเราในการทำเรื่องนี้ ต้องมาเน้นเรื่องการบังคับใช้ กฎหมาย
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก โหนกระแส