จากกรณีประเด็นดราม่า มีการเผยแชท สอบถามค่าใช้จ่ายในการวางผลิตภัณฑ์ ขณะไลฟ์สดของทิดไพรวัลย์ ซึ่งเป็นลักษณะ Tie-in ไม่ใช่ราคาสำหรับรีวิว เพราะทางผู้จัดการทิดไพรวัลย์ แจ้งชัดเจนว่า เป็นการวางประกอบฉาก จะมีพูดถึงบ้างแต่ไม่มาก ซึ่งเรทราคาสำหรับวางผลิตภัณฑ์ไว้เฉย ๆ อยู่ที่ครั้งละ 1 หมื่นบาท แต่ถ้าเหมาทั้งเดือนอยู่ที่ 1 แสนบาท
นอกจากนี้ ยังมีอีกประเด็นที่ทางผู้ปล่อยแชท ดังกล่าวออกมาตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่า สมัยทิดไพรวัลย์ เป็นพระ มีการนำภาพที่แฟนคลับทำให้ไปตีพิมพ์เป็นปฏิทินเพื่อจำหน่าย โดยที่ไม่ได้บอกก่อนว่าจะเอาผลงานเหล่านั้นมาใช้ในเชิงพาณิชย์
ก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เคยระบุเมื่อครั้งที่ ทิดไพรวัลย์ ยังเป็น พระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ ออกมาประกาศลาสิกขาว่า ทรัพย์สินของ พส.ที่ได้มาในขณะอยู่ในสมณเพศ ต้องตกเป็นของวัด เมื่อพระรูปนั้นลาสิกขา เว้นแต่จำหน่ายจ่ายโอนไปก่อนที่จะสละสมณเพศ
ทำให้ ทิดไพรวัลย์ ออกมาตอบโต้ พร้อมยกข้อกฏหมาย (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1623 ) ระบุว่า มาตรา 1623 ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัด ที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้น จะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิต หรือโดยพินัยกรรม
ซึ่งทางเพจ สำนักงานกิจการยุติธรรม ได้เคยให้ข้อมูล ไขข้อข้องใจ #ทรัพย์สินพระภิกษุ เมื่อลาสิกขาหรือมรณะภาพ ทรัพย์สินเป็นของใคร??? เอาไว้ดังนี้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 1623 ระบุว่า ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้น จะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิต หรือโดยพินัยกรรม
มาตรา 1624 ทรัพย์สินใดเป็นของบุคคลก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ทรัพย์สินนั้น หาตกเป็นสมบัติของวัดไม่ และให้เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของบุคคลนั้น หรือบุคคลนั้นจะจำหน่ายโดยประการใดตามกฎหมายก็ได้
กรณีพระภิกษุ มรณะภาพ และไม่ได้ทำพินัยกรรม ทรัพย์สินส่วนตัวของพระที่มรณะภาพ จึงตกเป็นของวัด แต่กรณีสึกแล้ว (ไม่ได้มรณะภาพ) ทรัพย์ส่วนตัว ก็ยังคงเป็นทรัพย์ส่วนตัวของอดีตพระภิกษุ
ส่วนทรัพย์สินที่มี หรือได้มาในระหว่างอยู่ในสมณเพศ เช่น มีญาติโยมศรัทธาถวายเงินทองให้ ก็ยังคงเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุอยู่ เพียงแต่หากพระภิกษุมรณะภาพ ก็ให้ตกเป็นสมบัติของวัด ที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุ (วัดที่จำพรรษา) เว้นแต่พระภิกษุจะได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนมรณภาพยกให้ใคร หรือได้จำหน่ายไปก่อนมรณภาพ ก็จะไม่ตกเป็นของวัด
ข้อควรรู้เกี่ยวกับทรัพย์สินของพระภิกษุ
- ทรัพย์สินที่มีก่อนอุปสมบท จะเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุ ซึ่งหากมรณภาพก็จะตกทอดเป็นมรดกแก่ทายาทต่อไป
- ทรัพย์สินที่มีหรือได้มาในระหว่างอยู่ในสมณเพศ เช่น มีญาติโยมศรัทธาถวายเงินทองให้ ก็ยังคงเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพระภิกษุอยู่ เพียงแต่หากพระภิกษุมรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุ (วัดที่จำพรรษา) เว้นแต่พระภิกษุจะได้ทำพินัยกรรมไว้ก่อนมรณภาพยกให้ใคร หรือได้จำหน่ายไปก่อนมรณภาพ ก็จะไม่ตกเป็นของวัด
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการรับมรดกของพระภิกษุ
-พระภิกษุเป็นผู้รับมรดกในฐานะทายาทโดยธรรมได้ เพียงแต่จะต้องสึกออกมาเสียก่อน จากนั้นก็มาเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะทายาทโดยธรรมภายใน 1 ปี นับแต่เมื่อเจ้ามรดกตาย หรือนับแต่เมื่อรู้หรือควรได้รู้ถึงความตาย พระภิกษุเป็นผู้รับมรดกตามพินัยกรรมได้
ขอบคุณข้อมูลจาก ไพรวัลย์ วรรณบุตร และ สำนักงานกิจการยุติธรรม