จากกรณีที่ มีกำลังพลกองทัพเรือชั้นยศ นาวาตรีแอบถ่ายห้องน้ำหญิง ภายในสำนักงาน เป็นเวลานานถึง 6 ปี โดยผู้ตกเป็น เ ห ยื่ อ ประกอบด้วยข้าราชการพนักงานลูกจ้างและนักเรียนฝึกงาน ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวงอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
ผู้เสียหายเป็นหญิงสาวหลายราย เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ให้ดำเนินคดีกับ นายทหารชั้นสัญญาบัตรยศ นาวาตรี นายหนึ่ง ซึ่งปรากฎภาพในกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาล หลังตรวจพบกล้องวิดีโอขนาดจิ๋ว จำนวน 2 ตัว ติดอยู่บนเพดานห้องน้ำหญิง และ ห้องน้ำชาย และละพบหลักฐานเป็นภาพขณะที่ นาวาตรี คนดังกล่าวกำลังปรับหน้ากล้องให้ตรงกับเป้าหมายที่ต้องการบันทึกภาพหญิงสาวที่เข้าไปใช้บริการห้องน้ำทั้งกลางวัน และกลางคืน
ซึ่งวานนี้ ( 3 ก.พ. 65 ) อดีตนักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง จำนวน 3 คน ที่เคยฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2561 ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้กับ พ.ต.ท.เอกชัย มูลลี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เพื่อเนินคดี กับนายทหารชั้นสัญญาบัตร ยศ นาวาตรี ที่ติดกล้องแอบถ่ายคลิปวีดีโอขณะเข้าไปทำกิจส่วนตัวในห้องน้ำ โดยได้บันทึกภาพไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนหนึ่ง และเก็บภาพไว้ในกล่องเก็บภาพจำนวน 4 กล่อง บรรจุภาพได้กล่องละ 1,000 GB รวมแล้ว 4 TB ซึ่งภาพของนักศึกษาบางคนที่ถูกเก็บไว้เกือบ 100 คลิป รวมทั้งหมดน่าจะนับพันคลิป
ล่าสุด เมื่อ 3 ก.พ. 2565 พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า เหตุการณ์นี้ได้ถูกเปิดเผย เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมาโดยมีผู้พบกล้อง 2 ตัวติดตั้งอยู่บนฝ้าเพดานห้องน้ำ ในสำนักงานของหน่วยงานราชการในสังกัดกองทัพเรือ ขณะทำการซ่อมแซมระบบสายไฟ
ซึ่งเมื่อตรวจสอบจึงพบว่ามีการซ่อน กล้องต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์ของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร มั่งคั่ง สังกัดแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ซึ่งการตรวจสอบข้อมูลภายในคอมพิวเตอร์พบหลักฐานคลิปวีดีโอของผู้เสียหายขณะทำภารกิจส่วนตัวซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558
ในเวลานี้ หน่วยงานต้นสังกัดของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยได้ทำการกักควบคุมตัว ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ ไปข่มขู่ผู้เสียหายและมิให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ระหว่างสอบสวน ซึ่งผลการสอบสวนเบี้องต้นพบว่า ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร กระทำความผิดจริง
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ เห็นว่า การกระทำของ ว่าที่ นาวาตรี เกียรติกร เป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 และเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เสียหายจำนวนมากและสร้างความเสื่อมเสียต่อกองทัพเรือ
กองทัพเรือ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยร้ายแรง เพื่อพิจารณาตามกฎหมายตลอดจนข้อบังคับและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาโทษความผิดทางวินัยร้ายแรง ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการสอบสวนของคณะกรรมการโดยเร็ว
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อไปว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ส่งข้อความไปยังกำลังพลทุกนายว่า “ในขณะที่พี่น้องทหารเรือเราปฏิบัติงานอย่างเหนื่อยยาก ลาดตระเวนตามแนวชายแดนทั้งทางบกทางทะเล ทั้งกลางวันกลางคืน บางส่วนบินตรวจการณ์ โปรยสารเคมีขจัดคราบน้ำมัน บางส่วนตอนนี้ยังอยู่ใต้น้ำตรวจสอบเรือจม และตรวจสอบผลกระทบจากน้ำมันรั่ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ประพฤติตัวไม่ดี ทำให้ส่วนรวมเสื่อมเสีย ผมขอประณามการประพฤติตัวดังกล่าว และจะดำเนินการลงโทษให้ถึงที่สุด เพื่อรักษาเกียรติของพวกเราทหารเรือให้คงอยู่และเป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชนสืบไป”
ขอบคุณ brighttv และ กองทัพเรือ Royal Thai Navy