เจ้เล้ง อารยา ลาภชีวะสิทธิฉัตร เจ้าของอาณาจักรเจ้เล้ง ดอนเมือง วันนี้จะมาเปิดชีวิตหลังการเป็นหม้าย ยอมฟาดเงิน 700 ล้าน เลิกอดีตสามี ลั่นชาตินี้ไม่ขอเผาผีกัน พร้อมเมินคนเปรียบเทียบพิมรี่ พาย และเผยเคล็ดลับความสำเร็จเพราะมีองค์ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เรื่องอดีตสามี ฟาดไป 700 ล้านไม่เผาผีกันเลย?
เจ้เล้ง : จบแล้วตือจบ เจ้เล้งเป็นคนเด็ดอยู่อย่างนึง เป็นคนเฉยๆ เงียบๆ อดทน เมื่อสุดขีดความอดทนให้ไปแล้วก็ คิดว่าทิ้งน้ำไปคือจบ ไม่เคยอยากจะรู้ข่าว ไม่เคยอยากจะถาม เหมือนว่าในโลกนี้ไม่มีเขาอีกแล้ว
คบกันมา แต่งงานอยู่ด้วยกันมากี่ปี?
เจ้เล้ง : 40 กว่าปี
แสดงว่าต้องหนักมาก 40 กว่าปีไม่เหลือความผูกพันเลย?
เจ้เล้ง : ไม่ค่ะ เพราะว่าพยายามทน ความที่เราเป็นคนรู้จัก เราจะไปเล่าให้ใครฟังให้อายทำไม จริงๆ เวลาเก็บไว้เยอะๆ มันอึดอัด พอถึงเวลามันขาดก็คือขาดไปเลย
เริ่มปีที่เท่าไหร่ ที่เรารู้สึกว่าเราต้องทนอยู่?
เจ้เล้ง : จริงๆ สัก 2 ปีก็รู้สึกแล้ว คุณแม่เจ้เล้งเองแรกเลยสัก 5-6 ปี เขาบอกว่าจะทนทำไมลูก เขาก็เป็นหมันลูกไม่มี สายใยไม่มี แต่เราก็อยากเป็นผู้หญิงที่ ทำมาหากิน ไม่อยากออกสังคม บอกแม่ว่ามีผัวคนเดียวก็ซวยแล้วนะ ถ้าเกิดไปมีหลายคน เลิกแล้วมีอีกหนูว่าซวยกว่าเดิม ทนๆ มันไปเถอะ แก่ๆ อาจจะดีขึ้นก็คิดคำนี้ คือเขาไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดอยู่กันไม่ได้ เขาไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้ แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง คือเขาไม่เอาใครเลยคนรอบข้าง มองทุกคนเป็นศัตรูหมด แม้แต่เราบางทีเขานอนตื่นขึ้นมา อาจจะฝันอะไรผิดไปหน่อยเจ้เล้งก็เป็นศัตรูของเขาเหมือนกัน
ด้วยประสบการณ์ของเจ้เล้งเห็นบอกว่าอยากสอนผู้หญิงด้วย?
เจ้เล้ง : ผู้หญิงทุกคน หรือผู้ชายทุกคน ผู้ชายแต่งงานมีเมีย กับผู้หญิงแต่งงานมีสามี คนเราสิ่งที่สำคัญคือเราต้องรักตัวเองก่อน อย่าไปทุ่มให้เขาจนหมด เวลามีอะไรขึ้นมาก็ไม่เหลืออะไรเลย เหมือนบ้าไปเลย ส่วนเจ้เล้งนี้ค่อยๆ ขีดเส้นหนาไปทีละเส้น จนไม่มีที่ขีดละ มันก็คือหมด ก็ทำใจเตรียมตัวไว้ เราเป็นคนจริงๆ คือเจ้เล้งเป็นคนทำธุรกิจ ไม่มีใครเชื่อนะ เจ้เล้งไม่เคยจับเงินเลย อดีตสามีเป็นคนถือเงินทั้งหมด เพราะเขาเป็นนักบัญชี คนทำบัญชีก็ทำไปเราก็หาๆ เรารู้ยอดใหญ่ แต่จริงๆ ยอดมันใหญ่กว่านั้น ทุกเดือนเขาจะเบี่ยงไป 4-5 ล้าน เราไม่รู้เรื่องเลย
เบี่ยงไปไหน?
เจ้เล้ง : เบี่ยงไปบัญชี ไปลงชื่อพี่ น้องเขา เราก็ไม่รู้ จนครั้งหลังสุดผิดปกติคือเยอะเกินเหตุละ ทำไมสภาพคล่องขาดละ เราขายของขนาดนี้เราไม่เคยต้องหมุนเงินเลย แต่สภาพคล่องก้อนนี้ไม่เหลือได้ ยังไง ไปถอนเงินฝากประจำ เจ้เล้งทุบโต๊ะเรียกสมุดบัญชีคืน เจ้เล้งไม่เคยเก็บสมุดบัญชีเอง ไม่รู้ว่ามีกี่เล่ม จนจะหย่ากันให้เอาสมุดบัญชีมาคืน ถึงรู้ว่ามี 137 เล่ม
ตัดสินใจนานไหมกว่าจะแบบเอาไป 700 ล้าน?
เจ้เล้ง : ไม่ใช่เงินสดทั้งหมด 700 เงินสดจริงๆ ให้เขาไปแค่ 300 แล้วเขาก็ขอทรัพย์สินไปส่วนนึง แล้วเรากลับไปซื้อคืน อพาร์ทเมนท์เจ้เล้งทำเองเขาจะเอาก็ให้ พอให้ไป 15 วันก็ขายทิ้ง พอเรารู้ เราเสียดายซื้อคืน ให้ที่ดินก็ขายทิ้งก็ซื้อไปอีก 150 ล้าน ให้ที่ดินเชียงใหม่ เขาค้อมีหมด ที่ดินตรงนั้นมูลค่า 3-4 ร้อยล้าน เขาก็ขายหมดเลย แล้วเขาทอยเงินเก่ง ทุกปีจะมีการปันผลคนละกี่สิบล้าน อย่างพีเคปันไปครึ่งนึง พี่ก็ปันมาครึ่งนึง พีเคเข้าบัญชีส่วนตัวพีเค แต่ของพี่มันเอาเข้ากองกลาง เฉพาะเสียภาษีปันผลปีนึง 6-7 ล้าน สมัยก่อน 6-7 ล้านซื้อบ้านได้หลังนึงทำไมจะไปปันผลละ ทำไมไม่ซื้อเป็นที่ดินขึ้นมา ไม่ซื้อเป็นทรัพย์สินขึ้นมามันก็เป็นการทอยเงินออกเหมือนกัน ไม่มันจะปันผลอย่างเดียว จนจะหย่ากันมันยังปันผลนะ ดีนะตบโต๊ะทัน ไม่งั้นไม่เหลือนะ
ปีนี้เจ้เล้ง 75 แล้ว เอากำลัง เอาความสดใสมาจากไหน?
เจ้เล้ง : จริงๆ เจ้เล้งเป็นคนพอเริ่ม 55 ก็เริ่มดูแลตัวเอง ทำงานตั้งแต่อายุ 12 ไม่เคยดูแลตัวเอง ทำงานถึงเที่ยงคืน ตี1-2-3 บางที 3 คืนไม่ได้นอนก็ยังทำ เพราะอยากรวย ระหว่างที่ทำงานเจ้เล้งก็ไม่ เหมือนคนอื่น เจ้เล้งจะมีวางแผนล่วงหน้ากับธุรกิจตลอดเวลา ข้อที่2 เจ้เล้งไม่เคยออกสังคมเลย เวลาทำงานก็จะเก็บเงินอย่างเดียว พักผ่อนไหม ถ้ามีเวลาอยากพักผ่อน ไม่อยากไปไหนเลย อยากนอนอย่างเดียว เจ้เล้งเป็นคนทำงานวางแผน แต่งงานก็มีการวางแผนจะอยู่ด้วยกันได้ไหม ฉะนั้นเวลาทำธุรกิจทำไมไม่ทำอย่างเดียวละ ไม่ใช่ที่ทำอยู่ไม่ดี ที่ทำอยู่ก็ดี แต่เจ้เล้งไม่โลภไม่ขยายสาขาเยอะๆ ไม่ชอบ เอาแค่นี้แหละอยู่ได้แล้ว ทีนี้เจ้เล้งก็ทอยเงินจากกำไรไปทำธุรกิจอื่นโดยการไม่ได้เอาเงินเก็บมาลงทุนเลย คือ 3 ปีนี้จะไม่เก็บเงินนะ แบงก์ไม่ต้องมาขอเงินฝาก จะทำอพาร์ทเมนท์ละ เจ้เล้งก็เอาเงินกำไรไปทำ โดยการเอาพี่ไปเลี้ยงน้อง เจ้เล้งไม่โหมทีเดียว เพราะว่าทุกอย่างที่ไปโหมเกิดไม่ได้ขึ้นมามันก็หมด เจ้เล้งก็ 1,2,3,4,5 สเต็ปไปเรื่อยๆ 1 เลี้ยง2 แล้ว 2 เลี้ยง 3 ไปเรื่อยๆ
เคยคิดไหมว่าอายุ 75 แล้วอยู่บ้านไม่ต้องทำอะไร?
เจ้เล้ง : จริงๆ ตอนนี้ก็ดูซีรีส์ แต่ดูมากๆ ก็ไม่สบาย เพราะการดูซีรีส์ดูแล้วหยุดไม่ ได้ นอนก็ไม่พอ ตาแสบ แก่แล้วตาเริ่มแห้ง แต่ก็ยังดู เป็นคนติดซีรีส์ แต่ว่าเจ้เล้งเป็นคนแบ่งอะไรพอเหมาะ พอควร ดูซีรีส์คืนนี้จะดู 2 ตอน ก็ปิดเลย จริงๆ อายุเท่านี้ไม่ควรทำอะไรแล้ว ใครๆ ก็พูดอย่างนี้ เจ้เล้งก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน มีวันนึงลองทำแบบที่คนอื่นเขาทำ อยู่สบายชิลๆ วันนี้ไม่ทำงาน ตื่นเสร็จเรียกเด็กมานวดตัว นวดตัวเสร็จกินข้าว พอกินข้าวเสร็จทำอะไรต่อวะเนี่ย เมื่อไหร่มันจะมืด เมื่อไหร่จะได้นอน พอถึงเวลานอน วันนี้พักเยอะ นอนไม่หลับอีกละ ก็ทำได้วันเดียว ไม่เอาลงมาละ ถามว่าทำไปทำไมเยอะๆ คนเรามีของดีในตัวเอาไปเก็บไว้ มันอึดอัด เรายังมีแรง มีกำลังที่จะออกไปได้ เราก็ต้องออกมาทำ ถามจริงๆ ทำแล้วหิวไหมไม่ได้หิวหรอก อิ่มแต่ว่าขอให้ได้ทำ เงินต้องการไหม ลงทุนเนี่ย ขาดทุนไม่ได้ ต้องได้ทุนคืน กำไรมาก กำไรน้อยว่ากันไป แต่ทุกอย่างที่เจ้เล้งลงทุนจะได้กำไร เพราะเราไม่มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ าย ช่วงโควิดปิดร้านเกือบ 20 วัน ลูกเข้ามาถึง แม่ถ้าเราจะปิดร้านแม่ทำใจได้ไหม บอกว่าทำไมอะ เราต้องปิดร้านเลยนะ เพราะเด็กเป็นโควิดกันเนี่ย ปิดก็ปิดสิ แม่ทำใจได้เหรอ ทำไมจะทำใจไม่ได้ กูรวยนะ กูไม่ได้จน แม่ทนได้ไหม ก็ทนได้สิ ไม่ทนแล้วกูตาย กูคุ้มไหมละ
แต่จริงๆ เจ้เล้งไม่ได้มีลูก?
เจ้เล้ง : ไม่มีลูก เป็นหลานลูกพี่ชายเอามาเลี้ยง จริงๆ มี 4 แต่อีกคนไม่ได้สมบัติ เพราะว่าเขาไปเอาทางพ่อเขา ก็แยกกันไป เขาอยู่ฝั่งโน้น
อันนี้จริงไหมที่เจ้เล้งเขียนพินัยกรรมให้ทั้ง 3 คนเรียบร้อยแล้ว?
เจ้เล้ง : เรียบร้อยคะ ลูกเจ้เล้งจะดีอย่างนึงเป็นผู้หญิงหมด ตอนเลี้ยงเจ้เล้งไม่เอาลูกผู้ชายเลย เพราะเจ้เล้งรู้ว่าถ้ามีผู้หญิง ผู้ชาย มันก็จะกบฏกัน แต่บังเอิญลูกผู้ชายของเจ้เล้งเป็นเด็กดี คนโตเขาจะเป็นพี่ที่ดีของน้องหมด เขาแต่งงานไปแล้ว เจ้เล้งเวลาเลี้ยง ไม่ได้เลี้ยงเหมือนคนอื่น จะเอาเงินลูกเอาไปเลยก้อนนึง ไม่เคย เจ้เล้งให้เงินเดือนเท่านี้ ต้องไปบริหารกันเอง ไม่พอขอได้ไหม เขาไม่กล้ามาขอ เวลาไม่พอมันก็ไปหาพี่ใหญ่มัน ดูแลน้อง ลูกเขยก็ดีด้วย น้องทุกคนจะเกรงใจพี่คนโต แล้วพี่คนโตไม่เคยเอาเปรียบน้อง น้องขาดอะไรบอกพี่ได้หมด
เห็นว่าเจ้เล้งมีกฎด้วยสำหรับการประสบความสำเร็จของตัวเอง?
เจ้เล้ง : การที่จะทำธุรกิจ 1.ต้องมีความจริงใจต่อผู้บริโภค เวลาพูด ของต้องมีคุณภาพ
ประโยคนี้เจ้เล้งเคยพูดไหม ของดีไม่ต้องแหกปาก?
เจ้เล้ง : จริงค่ะ ของดีไม่ต้องแหกปาก เอาคุณภาพตัวเราขาย
เจ้เล้งเป็นรุ่นพี่ในวงการขาย ที่ตามมาตอนนี้ก็พิมรี่พาย เจ้เล้งมีอะไรจะบอกพิมรี่พายหรือเด็กรุ่นใหม่ที่ อยากประสบความสำเร็จเหมือนเจ้เล้งไหม?
เจ้เล้ง : จริงๆ พิมรี่พายเขาเก่งอยู่แล้ว คือเดินทางคนละทางกัน ขายของก็คนละแบบกัน เจ้เล้งขายของแบบไปเรื่อยๆ สบายๆ เจ้เล้งไม่กล้าอธิบายที่มันเยอะหรือเกินความจริง ไม่กล้าทำอะไรที่จะมาตอบโจทย์ทีหลัง โจทย์แรกที่เจ้เล้งขายออกไปปุ๊บ คำตอบคือใช่ ไม่มีมาใช่ไม่ใช่ ด่ากันไม่มี เวลาขายของไม่เคยโดนด่า เจ้เล้งไม่ได้รับโฆษณาให้ใคร ของที่เจ้เล้งขายส่วนมาก เอาเขามาแล้วเทสเอง เราก็จะได้ลูกค้าที่เป็นลูกค้าจริงๆ ที่ซื้อต่อเนื่อง ไม่ได้ซื้อเพราะเจ้เล้งพูดๆ ไปแล้วหาย ลูกค้าเจ้เล้งขายเป็นร้อยก็ จะกลับมาอีกพัน ขายเป็ยพันก็จะกลับมาอีกหมื่นก็ จะเป็นแบบนั้นมากกว่า ไม่ได้ทำให้มันดังๆ แล้วหายไป
จริงไหมที่คุณพิมรี่พายได้ติดต่อธุรกิจกับเจ้เล้งด้วย?
เจ้เล้ง : ก็เคย เลขาเขาโทรมา แต่เราไม่ได้ขายกันเพราะว่าเจ้เล้งไม่มีสต็อกสินค้าที่ จะขายเขาขนาดนั้น
ตอนที่เจ้เล้งเอาเงิน 700 ล้านให้อดีตสามี พราหมณ์ท่านนี้เป็นคนบอกให้เลิกไหม?
เจ้เล้ง : ตอนกลางคืนคืนนึง ตอนที่วีดๆ อยู่ ก็มาเข้าฝันว่า ทำไมไมเลิกละ อยู่ด้วยกันมันก็เหมือนไฟดวงนึ งที่ไม่รู้วันไหนจะระเบิด เขาก็จะระเบิดทุกวันไม่เบื่ อเหรอ เงินที่มี ทรัพย์สินที่มีเยอะแยะ โฉนดเป็นตู้เซฟใหญ่ๆ เนี่ย ถามจริงๆ เคยหยิบมาดูบ้างไหม มันก็เหมือนกระดาษวอลเปเปอร์ที่ ติดข้างฝาใช่หรือเปล่า เคยหยิบเงินออกมานับไหมว่าเขาเอาไปเท่าไหร่แล้ว เคยดูโฉนดไหมยังมีครบหรือเปล่า จะเก็บไว้ทำไม ตัดสินใจให้เขาไปซะ ในชีวิตบั้นปลายเราไม่มีไฟ เราไม่มีความร้อนอยู่ในตัวเรา เราจะไม่มีความสุขกันเหรอ โกยไว้ทำไมเยอะๆ ถ้าเลิกแล้วจะดีกว่าตอนที่อยู่เยอะเลย ชีวิตบั้นปลายจะมีความสุขมากๆ ให้ตัดสินใจเอาว่าจะเอาวอลเปเปอร์หรือจะเอาความสุขกับตัวเอง ท่านพูดยาวเลยนะคะ
พอตื่นขึ้นมาก็เรียกลูกสาวคนโตมาว่ามันอยากได้อะไร สิ่งที่เราให้มันได้อันไหนที่ไม่ให้ก็ไม่ให้ ตอนที่จะหย่ากันเขาก็ไปอิงนักการเมือง ให้นักการเมืองมาข่มขู่เจ้เล้งว่าถ้าไม่เลิก จะไม่เหลืออะไรเลย บอกก็ให้มันรู้ไปถ้าเป็นคดี ความแล้วมันไม่เหลืออะไร มันเอาเจ้เล้งได้ขนาดนั้น ลองดูสิก็เราไม่ได้ผิดอะไร เสร็จแล้วคนนั้นจะเอาที่ดินตรงลาดกระบัง เจ้เล้งยังมีอีก 14 ไร่ครึ่งตรงนี้ จริงๆ มีคนมาขอซื้อ 600 ล้าน อดีตสามีบอกถ้าชนะเขาจะขอที่ดินอันนี้ มีคนบอกเจ้เล้งมีคนไปรางวัด เราก็ไปทำไม ก็งงๆ ปรากฏว่าพอมาดูๆ อพาร์ทเมนท์ 9 แท่งให้ บ้านอีกตั้งหลายหลังให้ แต่ที่ดินอันนี้ไม่ให้ ถ้าจะเอาที่ดินอันนี้ก็สู้คดีกันแล้วกัน ดูสิใครจะได้ มันก็ยอมถอย พอยอมถอยอยากได้อะไรบอกมาสิ่งที่ให้ได้ เอาที่บนเขาค้อ ที่อยุธยาหลายสิบไร่ เอาที่เชียงใหม่ เอาตึกแถว เอาอพาร์ทเมนท์ 9 แท่ง โอเคให้มันไป แล้วเงินสดตอนแรกจะเอา 600 ให้ 300 แล้วก็จบ รวมทรัพย์สินก็ประมาณ 700 กว่า ที่เอาไปก่อนหน้านั้นอีกไม่รู้เท่าไหร่
ถ้าเกิดพราหมณ์ท่านนั้นไม่ได้ มาบอกเราเรื่องนี้?
เจ้เล้ง : ก็สู้กันไป แต่ท่านพูดว่าสู้กันไปถ้าชนะแล้วจะเอาเขาอีกเหรอ เออ...ก็จริงของเขา เราก็เลยจบก็จบ
มีความเสียดายอะไรบ้างไหมจากที่ ใช้ชีวิตอยู่กันมากว่า 40 ปี?
เจ้เล้ง : ความเสียดายมันไม่เหลือเยื่อใยตรงที่ว่าเท่าที่เราอยู่ด้วยกัน 40 ปี เขาไม่มีความดีที่จะให้ เรามาทบทวนได้เลย มีอยู่วันนึงเจ้เล้งมีของเก็บไว้บ้านนี้เป็นของหนีภาษี มีคนไปด้อมๆ มองๆ เราก็กลัว ทุกทีเราเป็นคนทำเองหมด เขาทุ่มนึงนอน เรานอนตี3-4 พอ 7 โมงเช้าเราตื่น ใช้เขาไปขับรถไปขนของหน่อย ไม่กล้าไป เพราะคนมองเห็นเรานี่มันตัวเต็งเลย ก็ให้เขาไปทำ กลับมาบ้านมาทะเลาะ มึงรู้ไหม มึงให้กูขับรถ กูขับไปร้องไห้ไป กูเรียนมาขนาดนี้กูต้องมาขับรถขนของหนีภาษีให้มึง เราก็เอ้า...แล้วชีวิตที่มึงอยู่ ทุกวันนี้ เงินที่มึงใช้ก็เงินเหี้ยๆที่กูหานี่แหละ มึงไม่อายบ้างเหรอ มึงใช้เงินเหี้ยๆ อย่างนี้ มึงกล้าพูดนะ เจ้เล้งก็ด่าอย่างนี้เลย กูไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ต้องทำงานนี้ แต่กูรู้สึกเสียใจที่ต้องเลี้ยงคนเหี้ยไว้ในบ้าน
แล้วแบบนี้พราหมณ์ได้บอกเรื่องอนาคตไหมว่าต้องไปอย่างนี้ๆ?
เจ้เล้ง : มีค่ะ คือองค์เจ้เล้งดีอย่างนึงคือเจ้เล้งไม่สามารถติดต่อท่านได้เลย แต่ท่านจะมาเป็นระยะๆ ทำนี่เสร็จแล้ว มีที่อยู่ระยอง ทำไมไม่ทำสวนทุเรียนละ ไปทำดูสิ จริงให้เจ้เล้งไปขุดดินยังทำไม่ เป็นเลย เราก็อ่านหนังสือ แล้วดูเอา สอนเขามั้ง เขาสอนเรามั้ง มันก็สนุก พอขายๆ ที่ก็ซื้อๆ ซื้อจนเต็มตรงนั้นมันไม่มีทางขยายโอเค กูพอแค่นี้