จากกรณีการหายตัวปริศนา ของสมาชิกครอบครัว ทั้ง 4 คน ของหญิงสาวัย 19 ปี ที่หายตัวไปพร้อมรถยนต์ กระบะ ซึ่งต่อมาพบว่ารถถูกขายต่อไปที่เต็นท์รถมือสอง ในจังหวัดอุดรธานี และขาดการติดต่อไปตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. 2565 จนกระทั่งมาพบว่า ทั้ง 4 คนเดินทางออกประเทศ ผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าไปเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี ตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย. เวลา 20.30 น. ทิ้งให้ลูกสาวคนโต วัย 19 ปี อยู่เพียงคนเดียว
ล่าสุด นางเอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นลูกพี่ ลูกน้องกับ นายล้วน พ่อของนายนิรุตน์ เปิดเผยถึงครอบครัว นายนิรุตน์ ว่า นางสาวนฤมล หรือ อุ๊ มาเป็นสะใภ้ของตระกูลโดยที่ไม่ได้มีการแต่งงานกัน โดยส่วนตัว นางสาวนฤมล เป็นคนดี พูดจาไพเราะ เป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของคนในหมู่บ้าน มีคนรู้จักเยอะ และเป็นคนที่เก่งเรื่องบัญชี จึงมีคนจ้างไปทำบัญชี จนทำให้คนในครอบครัวไว้วางใจ
ที่ผ่านมา นางสาวนฤมล มาขอให้ญาติ นับ 10 คน ร่วมลงนาม ทำธุรกรรมกู้ยืมเงินในสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงกองทุนหมู่บ้าน ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการชำระเงินค่าดอกเบื้ยคืน เพิ่งมีปัญหาครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ต้องชำระกองทุนธนาคารข้าว ของส่วนยอดของ นางเอ คือจำนวนเงิน 8,500 บาท แต่ปรากฎว่า นางสาวนฤมล ซึ่งต้องเป็นชำระหนี้ กลับหายตัวไป ไม่มีใครตามตัวเจอ จนต้องขอเลื่อนชำระหนี้กับทางกองทุนฯ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะต้องนำเงินของตนเองไปชำระให้กองทุนก่อน
นางเอ ยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ นางสาวนฤมล จะมีเงินใช้จ่ายในครอบครัว จำนวนมากแต่ไม่ทราบว่า เงินดังกล่าวมาจากส่วนใดบ้าง เคยถามถึงที่มาของเงิน แต่ทั้ง นางสาวนฤมล และนายนิรุตน์ ก็ไม่ได้บอก และก่อนหน้านี้ได้ซื้อบ้านอีกหลังหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่ามีเรื่องเงินจำนวน 10 ล้าน จริงหรือไม่ ถ้าหากมีจริง ทำไมไม่นำเงินมาหักลบกลบหนี้ที่นำชื่อญาติ ๆ ไปกู้หนี้ จนถึงตอนนี้ นางสาวนฤมลและนายนิรุตน์ กับลูกอีก 2 คน หายไปไหนก็ไม่ทราบ
ส่วนกรณีการกู้เงินจากกองทุนต่างๆ ซึ่ง นางสาวนฤมล ใช้ชื่อของญาติ ๆ เป็นผู้กู้ ซึ่งอาจจะกู้มาหลายกองทุน จนไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้ตามกำหนด เป็นเหตุให้หายตัวไปพร้อมสามีและลูก
นางเอ ยังตั้งข้อสังเกตว่าปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของนางสาวนฤมล ที่จริงแล้วใครเป็นคนสร้างหนี้ที่แท้จริง อาจจะเป็นสามี หรือคนในบ้านของ นางสาวนฤมลที่เป็นผู้สร้างหนี้ทั้งหมดขึ้นมา ซึ่่งในส่วนของนายล้วน พ่อของนายนิรุตน์ เป็นผู้มีรายได้ไม่มาก และตัวนายล้วน ยังชอบสร้างหนี้สิน เมื่อมีปัญหา ก็จะโยนภาระให้กับ นางสาวนฤมล ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งล่าสุด บ้านที่ ต.บ้านไร่ ก็ขายใช้หนี้หลานที่ทำงานสิงคโปร์ ประมาณ 350,000 บาท ส่วนบ้านที่ อ.ทุ่งเสลี่ยม ก็มีประกาศขายในเฟซบุ๊ก แต่ล่าสุด โพตส์ดังกล่าวก็ถูกลบไปแล้ว ไม่ทราบว่า นางสาวนฤมล ต้องนำเงินให้นายนิรุตน์ สามี ไปดูแลพ่อ ดูแลที่บ้านฝั่งตนเองหรือไม่ ทำให้ตัวนางสาวนฤมล หมุนเงินไปชำระกองทุนต่างๆ ที่กู้มาไม่ทัน
นอกจากนี้แล้วยังมีผู้ที่เป็นนายทุน ในการหาเงินมาให้ 2 สามีภรรยา กู้เงิน คือลุงเงาะ ซึ่งให้ทั้ง 2 คนยืมเงินไปจำนวนมาก จนถึงขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ซึ่งส่วนตัวไม่ต้องการจะแจ้งความเนื่องจากเกรงว่าทั้ง 2 คนไม่คืนเงินที่ยืมไป
ขอบคุณข้อมูลจาก รายการ ทุบโต๊ะข่าว
