ยังคงออกมาแสดงความคิดเห็นถึงการ เ สี ย ชีวิตของ แตงโม อย่างต่อเนื่อง สำหรับ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ หรือ หมอพรทิพย์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่ล่าสุดได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องจุด เ สี ย ชีวิต ของ แตงโม
ล่าสุด หมอพรทิพย์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับรายการทุบโต๊ะข่าว พร้อมอธิบายถึงสภาพร่างของ แตงโม ว่า "สิ่งที่มันอยู่ในใจ มันมีหลักฐานรองรับ พร้อมอธิบายหลักนิติวิทยาศาสตร์ เช่น ฉันเป็นคนพิสูจน์ร่าง จะเจอจุดตรงนั้นตรงนี้แล้วต้องหาเหตุผลมารองรับว่าสภาพร่างเป็นแบบนั้นแบบนี้ เพราะอะไร ทีนี้ทางเจ้าหน้าตำรวจบอกว่า แ ผ ล เกิดจากใบพัดเรือ โดยที่ไม่ได้มีหลักฐานรองรับว่า เอาอะไรมาพิสูจน์ว่าเป็นใบพัดเรือ นอกจากเอาเนื้อหมูมาพิสูจน์ ถ้าเนื้อหมู มันจะไม่เหมือนกันอยู่แล้วกับสภาพของคน แต่ที่เห็นกับตาตัวเองก็คือ แ ผ ล ไม่ใช่ แ ผ ล ใหญ่ที่ต้นขา แต่เป็น แ ผ ล ก้างปลา แ ผ ล เล็ก ๆ 20 กว่า แ ผ ล
ลองดูทิศทางของ แ ผ ล กันดี ๆ จะเห็นภาพ แ ผ ล ก้างปลานี้จะมีลักษณะเฉพาะบางอย่าง ซึ่ง หมอพรทิพย์ ได้พูดตั้งแต่แรกแล้วที่ได้เห็นร่าง แตงโม แ ผ ล แต่ละ แ ผ ล มันสามารถจะบอกได้ว่าเกิดจากอะไร บาง แ ผ ล จะเป็นบั้งใหญ่ บาง แ ผ ล จะเป็นบั้งเล็ก และ แ ผ ล แต่ละ แ ผ ล จะมีทิศทางของ แ ผ ล 20 กว่าจุด ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าว แต่ขอไม่พูด บอกได้เพียง บ า ด แ ผ ล ก้างปลาพวกนี้ จะเป็นคำตอบว่าเกิดจากอะไร อาจจะเกิดจากใบพัดเรือก็ได้ แต่ขอไม่พูด แต่มั่นใจว่าไม่ได้ตกท้ายเรือ"
"บนร่างกายมันมีหลากหลาย แ ผ ล ก้างปลามีความแคบในการที่จะบอกว่าเกิดจากอะไร แต่ บ า ด แ ผ ล ใหญ่ยากมากที่จะบอกว่าใช่ใบพัดเรือ หรือ ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นหลักทั่วไป ๆ ก็คือมัน ยังไม่ใช่ เดอะ เบสท์ ค่ะ การที่จะเป็น เดอะ เบสท์ เนี่ย คุณจะต้องมีอะไรบ้างที่มาประกอบ เพราะฉะนั้นในมุมที่อาจารย์โพสต์คือมองถึงระบบประเทศไทย ว่านี่ขนาดเป็นคดีคนที่คนรู้จัก คนทั่วไปให้ความสนใจ แต่ก็ยังกลายเป็นแบบนี้ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นก็หมายถึงประเทศไทยมันมีกฎหมายรวบรวมหลักฐานโบราณจำเป็นต้องแก้ไขค่ะ
อันนี้คือตัวอย่างว่า นิติวิทยาศาสตร์ มันมีหลักการของมัน ต้องทำการน่าเชื่อถือ เราต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ คือ ตำรวจต้องเป็นผู้รวบรวมข้อมูล เพราะฉะนั้นเรื่อง บ า ด แ ผ ล ตำรวจพูดเอง อั น ต ร า ย บ า ด แ ผ ล ต้องให้คุณหมอพูด ถ้าคุณหมอพูดก็จะสามารถตอบได้ว่า ทำไมเอาภาพนี้มาใช้ แต่พอเป็นตำรวจพูด ตอบได้เลยว่า มันทำให้คุณค่าของหลักฐานเปลี่ยนไปทันที"
ขอบคุณ