วันอังคารที่ 23 เมษายน 2567
SHARE

ความจริง นำไปสู่ความยุติธรรม

โพสต์โดย เมฆาจรดทราย เมื่อ 31 พฤษภาคม 2565 - 17:23

เปิดใจ หมอพรทิพย์ - อดีตผู้พิพากษา เอาไงต่อคดีแตงโม ลั่นต้องหาป้ายแรกให้เจอ อย่าเพิ่งตั้งธงใหญ่ฆาตกรรม เพราะอาจจบ !

จากกรณีนักแสดงสาว แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ ตกเรือเสียชีวิต ในแม่น้ำเจ้าพระยาคืนวันที่ 24 ก.พ. 2565 ผ่านมา 3 เดือนคดียังมีเงื่อนงำ แม้จนถึงขณะนี้กว่า 3 เดือนแล้ว คดียังคงมีเงื่อนงำสร้างความสงสัยในสังคมแม้จะมี การแจ้งข้อหาดำเนินคดีบุคคลบนเรือ 5 คนและผู้เกี่ยวข้อง(กุนซือ) อีก 1 คนและ อัยการสั่งฟ้อง ทั้ง 6 ผู้ต้องหา ตามข้อหาที่คณะพนักงานสอบสวนได้ แจ้งข้อหาไว้ รวมถึงข้อหาตามที่อัยการจังหวัดให้แจ้งข้อหาเพิ่มอีก 2 คน

ต่อมา นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ ของนางเอกสาว แตงโม นิดา ได้มอบหมายให้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม และทีมทนายฝ่ายกฎหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์ เข้าดูแลคดีดังกล่าวแทน ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ โดยมองว่าลูกสาวถูกฆาตกรรมอำพราง ไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มีการเอ่ยถึงเชื่อ พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ซึ่งคุณหญิงหมอพรทิพย์ได้โพสต์ เฟซบุ๊กทิ้งท้ายข้อความสำคัญว่า “เดินตามเส้นทางเขาเพื่ออุดมการณ์เรา” จะหมายถึงอะไร

รายการโหนกระแสวันที่ 31 พ.ค. 65 ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพล สัมภาษณ์  พญ.คุณหญิง พรทิพย์ มาพร้อม ชนบท ศุภศรี อดีตผู้พิพากษา/ ทนายความ/เจ้าของเพจกฎหมายชนบท ที่ปรึกษา ส.ส.เต้ มงคลกิตติ์

เรียก 500 ล้าน?

ชนบท : ผมบอกว่าผมจะร่างฟ้อง 500 ล้านให้ดู แค่นั้นแหละครับ ไม่ได้บอกว่าจะฟ้อง 500 ล้าน

คำว่าเดินตามเส้นทางเขาเพื่ออุดมการณ์ของเรา คืออะไร?

หมอพรทิพย์ : จริงๆ ตั้งแต่เริ่มต้นแล้วนะคดีน้องแตงโม สิ่งที่เราเห็นว่าผิดปกติ เราบอกเสมอกระดุมเม็ดแรก คือไม่เก็บเลือด ไม่ตรวจร่างกาย ไม่ตรวจเรือในทันที เสร็จแล้วเราก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องรอจังหวะ พอ 22 จู่ๆ คุณแม่เปลี่ยนใจให้เราไปดูศพ คุยก็ไม่ได้คุยเท่าไหร่ ได้คุยแป๊บเดียว อย่างนี้คือเส้นทางคนอื่น การเข้าไปครั้งนี้ทำให้เราเห็นบาดแผล ที่บอกคุณหนุ่มว่าเป็นก้างปลา แต่ ณ เวลานั้นพูดไม่ได้ด้วยหน้าที่ ด้วยจังหวะ ตร.ยังไม่สรุป แถมพอได้มีโอกาสไปคุย ได้สอบถามนิดๆ ว่าเอาใบพัดไปจำลองหรือยัง มันก็เกิดความโกรธมหัศจรรย์ ตร.ออกมาด่าเราก็ต้องถอย นี่ก็ไม่ใช่เส้นทางอีกแล้ว จนกระทั่งคุณอัจฉริยะโผล่ แต่พอแกออกมาปั๊บแกก็ไปเรื่องฆาตกรรมเลยนะ ซึ่งถามเรา เรายังไม่ถึง เราไม่ได้มองว่าฆาตกรรม แต่เรามองว่าอะไรจะพลิกคดีได้ จังหวะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วคุณอัจฉริยะมา ได้มีโอกาสเจอกันครั้งแรก ก็มีโอกาสอธิบายให้เขาฟังว่าถ้าคุณจะคิดว่าเป็นฆาตกรรม แผลนี้เกิดจากการถูกกระทำบนบก สิ่งที่คุณจะพบได้คือคราบเลือดที่เสื้อ ของทั้งเหยื่อและผู้ต้องสงสัยทั้ ง 5 คน ก็บอกให้เขารู้ว่าต้องไปตามอะไรบ้าง แค่พูดเฉยๆ นี่คือเส้นทางคนอื่น คือ การรอ

ต้องไปดูคราบเลือดของแต่ละคน แม้กระทั่งรองเท้าต่างๆ นานา?

หมอพรทิพย์ : ใช่ เพราะถ้าติดตอนแห้ง ต่อให้ซักน้ำยังไงมันก็ยังอยู่ มันมีวิธีตรวจ 1 2 3 อันสุดท้ายคือคุณแม่เปลี่ยนใจ เพราะอะไรก็ไม่รู้ เกิดใจไม่เชื่อ เนื่องจากตอนที่บังแจ็คโผล่ ออกมา เราจับได้เลยว่าเขาไม่เชื่อว่าเป็นการตายโดยอุบัติเหตุ เรารู้แล้วว่าเส้นทางนี้เปิดแล้วนะ เพียงแต่จังหวะยังไม่เจอ ส.ส.เต้ก็เหมือนคนนึงที่ เคยมาปรึกษาเอาความรู้ เขาก็นำคุณแม่มาเจอ มาหารือ เราเลยพูดเรื่องบังแจ็ค บังแจ็คเหมือนเส้นทางนึงเหมือนกัน ทุกคนในประเทศไทย ไม่ไว้ใจใครก็จะให้หมอพรทิพย์ เราก็บอกว่าเราทำไม่ได้ เขาเลยไปไว้ที่กรรมาธิการ เมื่อคุณแม่เปลี่ยนใจ จริงๆ มันอยู่มา 1 เดือนแล้วนะคะ

หมายถึงผ้า คุณหญิงมีการแจ้งไปว่าผ้าผืนนึงส่งมา?

หมอพรทิพย์ : ข้อมูลเป็นผ้า แต่มันเป็นห่อยังไม่ได้เปิด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเลยนัดกัน เพื่อที่ว่าเขาคือคนเดียวเท่านั้ นที่จะมีความชอบธรรมร้องขอความเป็นธรรมให้แตงโม แล้วผ้านี้จะตอบโจทย์ว่าเป็ นบาดแผลที่เกิดขึ้นบนบกหรือในน้ำ

ถ้าเป็นผ้าจริง ผ้าผืนนั้นส่งมาเรียบร้อยอยู่ที่ กรรมาธิการ?

หมอพรทิพย์ : ใช่ค่ะ ด้วยเราทำตามระบบ ต้องไปที่ตร. ตร.ปฏิเสธเรียบร้อย สองอาทิตย์ทำหนังสือมาว่าปิ ดสำนวนแล้ว ไม่ทำ อัยการยังไม่ตอบ แต่เมื่อวานเหมือนได้ยินโฆษกอัยการตอบแล้ว เราก็ต้องทำให้โปร่งใสที่สุด ไม่สับเปลี่ยน เราไม่ตั้งสมมติฐานเท็จหรือจริง ถ้าเป็นผ้าเท็จก็ไม่ควรมีเลือดแตงโม ถ้าเป็นผ้าในวันเกิดเหตุ และบาดแผลเป็นไปตามที่คุณอัจฉริยะสงสัย มันต้องมีเลือด พรทิพย์ไม่ได้มีธง แต่ทำยังไงจะได้พิสูจน์ ไม่พูดให้ฟุ้งไปหมดในสังคม แล้วทำให้เร็วที่สุด เพราะเวลาเขาเหลือน้อยมาก

คุณหญิงมองว่าวันนี้ยังไปไม่ถึงฆาตกรรม?

หมอพรทิพย์ : ไม่เลยค่ะ เพราะเราเชื่อตามวิทยาศาสตร์หรือสิ่งที่เราได้เห็น สิ่งหนึ่งที่บอกได้แน่ๆ เมื่อจุดตกเป็นวิทยาศาสตร์เป็นหัวเรือ ความน่าเชื่อถือของวิทยาศาสตร์ น่าเชื่อถือกว่าคำให้การที่ เขาบอกว่าไปฉี่ท้ายเรือ เพียงแต่พนักงานสอบสวนไม่เลือกที่จะฟังตัวนี้ ไม่เลือกที่จะไปสอบปากคำผู้เชี่ ยวชาญเรือ เราเลยทำให้มันเปิดไม่ได้ ถ้าเปิดได้เดี๋ยวมันก็ต่อได้ค่ะ

แล้วมองว่าทำไมถึงบอกว่าตกท้ายเรือ?

หมอพรทิพย์ : เนื่องจากโดยหลักเขาจะเอาพยานบุคคลกับพยานวิทยาศาสตร์ แต่เคสนี้เขาเอาพยานบุคคล บอกว่าตกท้ายเรือ เราก็ไม่ว่าอะไร แต่เราไม่เชื่อ พอไม่เชื่อก็ต้องหาวิธีพิสูจน์ ด้วยความตรงไปตรงมา บาดแผลก้างปลาไปถามคนเล่นคนไหนก็ตอบได้เลยว่าตกหัวเรือ ฉะนั้นพอตกหัวเรือ ไม่ใช่หมอพรทิพย์บอก แต่ลักษณะแผลมันบอก พอเราไปคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรือ วิศวะ ถามว่าตกหัวเรือกับท้ายเรือ อะไรน่าเชื่อถือกว่ากัน

ถ้าตกหัวเรือ มันมีเจตนาฆ่ามั้ย?

หมอพรทิพย์ : ยังค่ะ มันก็แค่บอกว่าที่คุณตั้งออกมาว่านั่งท้ายเรือก็ผิด ที่บอกว่านั่งอยู่หัวเรือไม่รู้ เรื่องอะไรก็ไม่จริง เท่านั้นเอง มันก็จะได้เปิดปาก เหมือนเอาเข้าเครื่องจับเท็จ เอาวิทยาศาสตร์มาง้างปาก

 

ส.ส.เต้ บังแจ็ค อัจฉริยะ คุณแม่มองว่าเป็นฆาตกรรม แต่อาจารย์ยังมองไม่ถึงฆาตกรรม?

หมอพรทิพย์ : คดีนี้เหมือนรถที่ กำลังแล่นและไปผิดป้าย เราจะทำยังไง เราคิดว่าตัวที่จะหยุดได้ชะงักที่สุดก็คือว่าเขาไม่ได้ตกท้ายเรือ เขาตกที่หัวเรือด้วยวิทยาศาสตร์ แล้วถึงค่อยต่อเข้าสู่หลักฐานอื่น

คุณหญิงกำลังบอกว่าต้องหาจุดตกให้ได้ซะก่อนว่าตกตรงไหน แล้วค่อยมาขยาย สมมติตกหัวเรือตกเพราะอะไร ต้องเจอป้ายก่อนแล้วถึงจะบอกได้ ว่าจะไปสถานีไหนต่อ?

หมอพรทิพย์ : ใช่ค่ะ แล้วเวลาจำกัด

ผ้าผื่นที่ส่งมา มีทนายหลายท่านโพสต์กัน?

หมอพรทิพย์ : เห็นแล้วและตอบได้เลย ข้อแรกก่อนที่จะพูดอะไรขอให้รู้ ข้อมูลจริง ผ้านี้มาเดือนนึงแล้วค่ะ โทรศัพท์มันเพิ่งไป สิ่งที่เรามองหาคือคราบเลือด และดีเอ็นเอแตงโม เราบอกว่าเราไม่ได้หาดีเอ็นเอแตงโม เราหาคราบเลือด มันจึงไม่มีปัญหาใดๆ เลยทั้งสิ้น ประเด็นใหญ่ที่สุดที่อยากจะฝาก ทำไมคนเราชอบมาตรวจสอบหลักฐานแบบนี้อย่างเดียว หาว่าคนไม่ดีก็ต้องให้หลักฐานไม่ดี ไอ้คนดีนี่แหละให้หลักฐานเท็จมาเยอะแล้ว แล้วเกิดแพะไม่รู้เท่าไหร่ ประชาชน ทนายมีหน้าที่ตรวจสอบ ไม่ใช่มานั่งตรวจสอบคนอื่น โดยหลักเขาก็พูดไปได้แต่เป็นความรู้เฉพาะเขาไม่รู้ แต่เรื่องตรวจสอบถ้าจริงตรวจมาตั้งแต่ต้นทางเลย ว่าอันไหนเท็จบ้าง ซึ่งมันทำไม่ได้ การตั้งคำถามกับหลักฐานบังแจ็ค ต้องตั้งคำถามกับหลักฐานในสำนวนด้วย เวลาคุณไปซักพยานศาลจะได้รู้ว่าหลักฐานนี่เท็จหรือจริง มุมมองที่พูดคือเลือกใช้ให้สม่ำเสมอ อย่าใช้กับคนไม่ดีเท่านั้น

อาจารย์มองว่าเข้าท่ามั้ย?

ชนบท : ไม่ใช่เข้าท่า ดีมากๆ เลย

มุมอาจารย์ กำลังเป็นที่ปรึกษาหรือเปล่า?

ชนบท : เขาออกมาให้ข่าวแล้วว่าผมเป็นที่ปรึกษา แต่ยังไม่ได้เจอ เขานัดเจอผมพรุ่งนี้

อาจารย์จะทำอะไรบ้าง?

ชนบท : ในฐานะที่ปรึกษาก็ให้ คำปรึกษา

จะมีการร่างคำฟ้อง 500 ล้านให้คุณแม่?

ชนบท : ผมบอกว่าอยากเห็น 500 ล้านมั้ย เพราะเขาบอกว่า 200 ล้าน ผมบอกว่าเดี๋ยวจะร่างให้ดู 500 ล้านก็ได้ แต่จะได้เท่าไหร่ไม่รู้ แต่จะร่างให้ดู ผมโดนคอมเมนต์มาเหมือนกันว่าตั ดสินแทนคนอื่น แต่ร่างไม่เป็น ผมบอกเลยผมจะร่างให้ดู

เมื่อวานคุยกับบุญถาวร และทนายรณณรงค์ ทางออกมีสองทาง ทางแรกคือเรารออัยการที่นนทบุรี ในการสั่งฟ้องฝั่ง 5 คนบนเรือ และอีกคนที่เป็นกุนซือ อีกหนึ่งเดือนรู้กัน ประเด็นต่อไปต้องดูว่าแม่จะร่วมฟ้องด้วยมั้ย แต่ดูแล้วไม่น่าเป็นไปได้ เพราะตร.เขาทำสำนวนไปเรื่องประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่แม่กับส.ส.เต้หรือพี่อัจเองเขาตั้งธงเรื่องฆาตกรรม ถ้าไปร่วมฟ้องกับอัยกาย มันคนละทาง มันดูทรงแล้วไม่ได้ ทนายรณณรงค์มองว่าจะมีในช่วง 1 เดือนยื่นฟ้องเองได้ แต่ก็ต้องไปลุ้นอีกว่าศาลจะรับมั้ย อาจารย์มองยังไง?

ชนบท : ผมไม่มองมากขนาดนั้น ผมมองแค่คุณแซนที่บอกว่าเกาะขาแล้วน้องแตงโมไปฉี่ท้ายเรือ ผมว่าคุณแซนพูดไม่จริง ทีนี้ก็มาดูว่าตามที่คุณหมอบอกว่ามีบาดแผล ก็จะไปเข้ามาตรา ผู้ใดไม่มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปี ถึง 15 ปี ซึ่งต่างจากประมาทที่พนักงานสอบสวนทำมา ว่าประมาทต้องระวางโทษไม่เกิน 10 ปี ต้องให้คุณแม่ฟ้องในข้อหาผู้ใดไม่มีเจตนาฆ่าแต่ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย เพราะความตายเกิดขึ้นจริง บาดแผลมีจริง ดังนั้นเจตนาไม่รู้ว่าฆ่าหรือไม่ฆ่า แต่เป็นการทำร้ายแน่นอน มองมุมนี้

กรณีที่ก่อนหน้านี้อัจฉริยะได้ ไปร้องกับทางอัยการสูงสุด แกบอกว่าขอ 8 ข้อเพื่อให้มีการสอบเพิ่มและส่งให้อัยการต่างๆนานาเพื่อให้เข้าไปอยู่ในสำนวน หนึ่งในนั้นมีชื่อคุณหญิงหมออยู่ ด้วย เขามีการคุยกับคุณหญิงหรือยัง?

หมอพรทิพย์ : คุยกันค่ะ คุยกันตอนมาเจอที่กรรมาธิการ เราก็ได้บอกคุณอัจฉริยะว่าป้ายแรกไม่ใช่ป้ายฆาตกรรม ป้ายแรกเอาจุดตก เพราะมันมีความชัดเจนทางวิทยาศาสตร์มากกว่าบาดแผลว่าถูกกระทำหรือเปล่า พออธิบายให้เขาฟังว่าต้องดู แผลและไปถามผู้เชี่ยวชาญเรือ คงเป็นข้อนี้แหละมั้งคะ แต่ไม่ใช่ทีมเขานะคะ เหมือนเวลาเขามาร้องกรรมาธิการก็มีการพูดคุยกัน แนะนำในเรื่องแรกคือเรื่องจุดตกค่ะ เรื่องที่สองคือเรื่องบาดแผล คุณจะต้องไปหาเสื้อ

ข้อ 7 ให้ยึดเสื้อผ้าที่ใส่วันเกิดเหตุบนเรือมาตรวจสอบคราบเลือด ซึ่งตนทราบมาว่าตร.ไม่เคยดำเนินการ อันนี้คุณหญิงเป็นคนแนะนำ?

หมอพรทิพย์ : ใช่ค่ะ การกระทำใดๆ จะมีการแลกเปลี่ยน ถ้าทฤษฎีของคุณบาดแผลเกิดจากการกระทำก่อนตกน้ำ แผลเบ้อเริ่มขนาดนี้เลือดต้องเยอะ เลือดก็ต้องติดในเรือที่เกิดเหตุ เสื้อผ้าผู้ตายและคนที่เกี่ยวข้อง เลยแนะนำให้ตรวจสอบตรงนั้นค่ะ

เรื่องการตรวจสอบคราบเลือดบนเรือ คุณหญิงคิดยังไง?

หมอพรทิพย์ : อันนั้นเป็นสิ่งที่ ต้องทำ และตร.บอกว่าทำแล้ว แต่ว่าข้อมูลในสังคมก็จะสงสัยว่าเป็นเรือลำนั้นจริงหรือเปล่า มันมืดสนิทจริงมั้ย เพราะสิ่งที่ตรวจต้องมืดสนิทจริ งๆ ค่ะ ทีนี้เขาไม่เชื่อ ก็อยากให้หน่วยงานตรวจ ซึ่งถ้าหน่วยงานใหม่ตรวจยังไงก็ต้องขึ้นค่ะ

ไม่ให้พิสูจน์หลักฐานตรวจเพราะไม่ใว้ใจ?

หมอพรทิพย์ : เขาเขียนว่าไม่ไว้ ใจ แต่จริงๆ เราบอกว่าหลักการทางสากล ตรวจสอบครั้งที่สองหรือสามได้ สบายมาก เพราะการตรวจบนกระบวนการยุติธรรม ต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้

เคยตั้งคำถามไปเหมือนกัน ว่าข้อที่ 6 เป็นข้อที่ประชาชนกังขากันมาก ตร.เองบอกว่าพิสูจน์หลักฐานเก็บไว้หมดแล้ว แต่เมื่อสังคมสงสัย เป็นไปได้มั้ย คดีนี้ถือเป็นปรากฎการณ์ไม่เหมือนคดีอื่นทั่วไป เพื่อความสบายใจของสังคม เอาเรือมาเลย แล้วจะเอาฝั่งไหนเข้าไปตรวจสอบอีกที มันน่าจะกระทำได้ อย่างน้อยพิสูจน์ตร.ด้วย แต่พอไม่ทำก็เกิดความสงสัยทันที ?

หมอพรทิพย์ : แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ ทำให้ผู้คนสงสัย ไม่ใช่เฉพาะอัจฉริยะ เพราะคำตอบเขาคือตรวจสอบคราบเรือในอู่เรือ แล้วอู่เรือมันไม่มืดสนิทค่ะ มันจะเปิดได้ยังไง เรารู้อยู่แล้วว่ามันต้องห้องปิดอย่างนี้ ไม่มีแสงสักนิดเลย ก็เลยทำให้ทุกคนไม่เชื่อ เรื่องนี้ก็เป็นความท้าทายในระบบมาตรฐาน ต้องทำยังไงก็ได้ให้เขาเชื่อให้ ได้ว่าตรวจจริง ตรวจตามมาตรฐาน

ที่พูดไม่ได้ต้องการยืนยันว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ถ้าพิสูจน์ต่อหน้าสาธารณชน ตร.ก็หลุดเลยเรื่องหมกเม็ด สองคืนความเป็นธรรมให้แตงโมได้ สามถ้าไม่เจอคราบเลือด ก็คืนความเป็นธรรมให้ทั้ง 5 คนบนเรือได้ด้วยเหมือนกัน ถ้ามีคราบเลือดจริงๆ ก็ต้องย้อนกลับไปว่าทำไมถึงมี คราบเลือดบนเรือ ก็คืนความเป็นธรรมให้แตงโมด้วย ผมว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก?

หมอพรทิพย์ : ใช่ค่ะ พอดีตอนแรกไปกับท่านประธานได้พูดคุยกันไม่ถึงกับแนะนำเต็มๆ ทำไมไปกระตุ้นต่อมโกรธเกลียดขึ้นมาหรือยังไงก็ไม่รู้ เราเลยพูดต่อไม่ได้

ต่อมเกลียดโกรธใคร?

หมอพรทิพย์ :   ตัวผู้การค่ะ วันนั้นไม่ได้เจอผู้บัญชาการภาคนะ แต่หลังจากนั้นเขาให้สัมภาษณ์ ออกทีวีพร้อมทนายเดชา โอ้โห ด่าสาดเสียเทเสีย เราก็เลยขำว่าทั้งคู่ไม่ได้อยู่ ในเหตุการณ์ แต่ฟังเขาถ่ายทอดไงมาให้รู้สึกว่าเรากำลังจะไปจี้เขา แต่จริงๆ เราคิดแบบคุณหนุ่ม มีคือมี ไม่มีคือไม่มี จบ

ผมก็มองอย่างนั้นจริงๆ ว่ามันได้ประโยชน์ การตรวจต่อหน้าสาธารณชน คดีนี้เป็นปรากฎการณ์ ถ้าเคลียร์ปุ๊บข้อกังขาตร.หลุดเลย?

หมอพรทิพย์ : ที่สำคัญที่สุดคือฝึกไว้ค่ะ เราทำอะไรต้องยอม มีคนมาตรวจสอบต้องให้ตรวจสอบ ตลอดเวลา ทุกคน ไม่ใช่ว่าไม่ได้ เสียหน้าไม่ได้ ต้องพร้อมตรวจสอบ

คุณหญิงหมอแค่อยากให้ลงป้ายให้ ถูกต้อง ว่าจะไปสถานีไหนต่อ ถ้าลงป้ายผิดก็หลงทางทันที?

หมอพรทิพย์ : ใช่ค่ะ

ถ้าฝั่งคุณแม่กับส.ส.เต้ไปฟ้องเอง คิดว่ากระทำได้มั้ย?

ชนบท : ทำได้ คำว่าฆาตกรรมต้องบอกก่อนว่าเรื่องอะไร ถ้าฆาตกรรมเป็น 288 289 ก็ได้

อาจารย์บอกว่าจริงๆ การไปฟ้องฆาตกรรมอาจไม่ชัดเท่าไหร่ ควรเป็นทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ ถึงแก่ความตาย?

ชนบท : ใช่ครับ ไม่มีเจตนาฆ่า แต่เป็นเรื่องการทำร้าย มองมุมนี้ แล้วพอไปฟ้องปั๊บ ฟ้องเอง ทีนี้ต้องไต่สวนมูลฟ้อง ทำยังไงให้ศาลประทับรับฟ้อง ก็ต้องมีการสืบพยาน การไต่สวนโดยการสืบพยานข้อหาทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย สืบได้ง่ายกว่าเจตนาฆ่าครับ อย่างเอาคุณหญิงหมอพรทิพย์ ไปปากนึง ผู้เชี่ยวชาญปากนึง สามปาก รับรองมีมูลแล้วครับ

คุณหญิงมองไปถึงมุมนั้นได้มั้ย?

หมอพรทิพย์ : ยังค่ะ

คุณหญิงมองป้ายแรกก่อน?

ชนบท : แต่ป้ายแรกเราไม่ทันแล้ว เพราะเราเลยมาหลายป้ายแล้ว

หมอพรทิพย์ : มันไม่ทันแล้วเพราะว่ามันมีสองทาง ทางนึงตร.บอกว่าอัยการฟ้องมายังไงก็ต้องไปอย่างนั้น อีกทางนึงบอกว่าอัยการเปลี่ยนได้ ก็ไม่รู้จะเป็นยังไง แต่ป้ายแรกไปแล้วคือตกท้ายเรือและประมาท

คุณหญิงน่าเป็นที่ปรึกษาให้คุณแม่?

หมอพรทิพย์ : อย่างที่ว่าเนอะ จังหวะมันไม่ใช่ และคุณแม่ไปอยู่กับทางเดชา เดชาก็ซัดทุกวันๆ ใครจะกล้าเข้าไปคุย บวกกับตร.ก็ปิดประตู แต่ไปถามคนอื่นไม่ถามเราก็ธรรมดา

ณ วันนี้กังวลใจมั้ยเรื่องสองมุมมองแตกออกไป มุมนึงมองเรื่องประมาททันที อีกมุมมองเรื่องฆาตกรรมทันที?

หมอพรทิพย์ : ไม่กังวลค่ะ เพราะว่าเราไม่ได้เอาใจไปทุ่มที่ คดีนี้คดีเดียว แต่เรามองว่าคดีนี้จะเป็นจุดเปลี่ยน ไม่ว่าจบอย่างไรจะมีการเปลี่ยนแปลงแน่นอน ถ้าฟ้องแบบนี้ศาลยกจะเกิดอะไรขึ้น มันจะตอบมาหมดเรื่องพยานหลักฐานทั้งหลาย

อาจารย์ตั้งฟ้องทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ ความตาย ต้องมีอะไรประกอบมั้ยเพื่อยืนยันว่ามีการทำร้ายกันจนเรือ?

ชนบท : ถ้าคุณแม่ให้ฟ้องนะ แต่งตั้งให้ผมเป็นทนาย

ก็จะเล่นเรื่องนี้ ไม่เล่นเรื่องฆาตกรรม?

ชนบท : ผมจะฟ้องมาตรา 290 และจะใส่ศูนย์ให้ดู พิสูจน์ง่ายกว่า 288 289

เป็นการพิสูจน์เรื่องการทำร้ายร่างกาย มันจะไปได้ต่อ แต่ถ้าไปมองเรื่องฆาตกรรมเลย มันมีหลายองค์หลายมาตรา ไม่งั้นพลาดนิดนึงคือจบเลย?

ชนบท : การไต่สวนเริ่มไม่มีมูลคือไปเลย จบเลย

อาจถูกฟ้องเท็จด้วย?

ชนบท : ฟ้องเท็จอาจไม่โดน ผมในฐานะแต่งตำราเรื่องฟ้องเท็จ เบิกความเท็จ คุณแม่คงไม่โดนหรอกครับ แต่คดีไปต่อไม่ได้

ถ้าตั้งธงในการฟ้อง ต้องฟ้องทำร้ายร่างกายเป็นเหตุ ให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย?

ชนบท : ถูกต้องครับ

หมอพรทิพย์ : คุณหนุ่มไม่จบแน่ ค่ะ เพราะพรุ่งนี้แม่จะเจอ (หัวเราะ)

เราพยายามไปเรื่องอื่นกันบ้าง แต่มีข่าวทุกวันจริงๆ คุณหญิงมองว่าเรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์มั้ย?

หมอพรทิพย์ : เป็นคนเชื่อเรื่องธรรมะ พอๆ กับวิทยาศาสตร์ น้องมีพลัง น้องก็พยายามดลใจอะไรต่ออะไร แม้ไม่มาหาเรา แต่มีอะไรเปลี่ยนไปอยู่เรื่อยๆ ใจเราต้องนิ่งค่ะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อะไรไปไม่ได้ก็ไปไม่ได้ แต่เรามีหน้าที่ไปต่อในเชิงระบบให้ได้ เต็มที่ทุกคนค่ะ

อาจารย์ล่ะ?

ชนบท : ผมเห็นด้วยกับคุณหญิงหมอ

ผมดีใจที่ได้คุยกับทั้งสองท่าน เพราะรู้สึกว่าเป็นน้ำเป็นเนื้อ เรายังได้รู้ในมุมคุณหญิง ในมุมอาจารย์ ไม่งั้นทุกคนจะมองแค่ว่าฟ้องฆาตกรรม แต่คุณหญิงบอกว่าไม่ เราต้องจอดป้ายถูกก่อนถึงจะรู้ ว่าไปมุมไหน มุมอาจารย์เองก็พยายามบอกว่าถ้าจะตั้งฟ้องอย่าไปตั้งธงเรื่องฆาตกรรม ให้ตั้งเรื่องทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อันนี้ยังสู้ไปและขยายต่อได้ ไปถึงฆาตกรรมได้ด้วย?

ชนบท : ถ้ามีการสืบพยานจำเลย มันไปถึงที่ต้องการที่ฆาตกรรม มันอาจไปถึงก็ได้

แต่ให้ตั้งเรื่องจากเล็กไปใหญ่ ไม่ใช่ตั้งจากใหญ่แล้วพอไม่ได้ มันก็จบเลย?

ชนบท : มันหล่นเลย

ระหว่างสัมภาษณ์ คุณอัจฉริยะได้ติดต่อเข้ามาบอกว่าเอาโดรนใต้น้ำไปหาอาวุธมีด?

หมอพรทิพย์ : นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอันที่หลักนิติวิทยาศาสตร์ต้องหาตัวเชื่อม มีดอันนี้จะบอกไม่ได้หรอกว่าเป็นมีดที่กระทำแผลนี้ เพราะมันไม่มีดีเอ็นเอแล้ว ไม่มีทางมี เพราะมันอยู่ในน้ำ

ต่อให้เจอมีดเหรอ?

หมอพรทิพย์ : ค่ะ ต่อให้เป็นมีดคนในเรือก็บอกไม่ ได้ เพราะดีเอ็นเอไปกับน้ำหมดแล้ว

เจอมีดไม่มีประโยชน์?

หมอพรทิพย์ : ไม่มีประโยชน์ ยกเว้นเห็นตอนถือมีดแทงแค่นั้น แล้วไปเทียบว่าคืออันเดียวกันหรือเปล่า  

มันจะไปทางไหนต่อ?

หมอพรทิพย์ : ไม่เป็นไร อย่าไปเครียด ให้ความจริงนำไปสู่ความยุติธรรม 

ชนบท : ก็เห็นด้วยกับคุณหมอ ไปทางเดียวกัน แต่วิธีการอาจไม่เหมือนกัน

ถ้าพรุ่งนี้ได้พูดคุยจะเสนอเรื่องนี้กับแม่ ส.ส.เต้?

ชนบท : เสนอเต้แน่นอน

คุยแบบนี้เข้าใจ เมื่อวานคุยกับพี่บุญถาวร พี่รณณรงค์แล้วปวดหัว?

หมอพรทิพย์ : คนไม่เห็นหลักฐานในคดีจะไปไม่ค่อยถูก จะไปทางความเห็น แต่ถ้าเราอยู่กับมันจะรู้ว่าวิทยาศาสตร์ไม่หลอก 

 

ขอบคุณ รายการโหนกระแส



แสดงความคิดเห็นด้วย Facebook

บริการของเรา

Advertising

พื้นที่โฆษณาประชาสัมพันธ์ สินค้าและบริการ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Web Design

ออกแบบเว็บไซต์ ครบจบในที่เดียว ทั้ง FrontEnd และ BackEnd ด้วยทีมงานมืออาชีพ ประสบการณ์กว่า 15 ปี

Web Application

ไม่ว่าจะธุรกิจใดให้ระบบช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน จากรูปแบบเดิมๆ ให้อยู่ในรูปแบบ Online

VDO Creator

บริการออกแบบ และ จัดทำ Presentation ShowCase Review สินค้า TVC หรือ Viral Clip

เราใช้คุ้กกี้เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านเพิ่มเติมคลิก (Privacy Policy)
About Us | Advertising
Join With Us | Contact
Privacy Policy | Terms of Service
Corrections Policy | DMCA Copyrights Disclaimer
Ethics Policy | Fact-Checking Policy
Editorial team information | Ownership and Funding Info
ติดต่อลงโฆษณา: 0880-900-800, อีเมล์: ads@jarm.com
แนะนำติชม/ฝากข่าวประชาสัมพันธ์: info@jarm.com