หากเลือกได้ ไม่ว่าใครต่างก็ไม่อยากเจ็บป่วย เช่นเดียวกับหญิงสาวรายนี้ ที่ป่วย เส้นเลือดในสมองตีบ อัมพาตครึ่งตัว แบบไร้สัญญาณเตือน ทำให้ร่างกายเดินไม่ได้ ต้องอยู่ในโรงพยาบาลถึง 1 อาทิตย์ เพื่อกายภาพให้กลับมาเดินได้

เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า ปาล์ม มินิ ได้โพสต์ภาพและข้อความ เล่าประสบการณ์การป่วย ระบุว่า "ตลอดเวลาหลายปีไม่เคยดื่มน้ำเปล่าเลย ไม่ว่าจะหิว เหนื่อย กระหาย หรือหลังกินข้าว กินยา อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่น้ำเปล่ากินได้หมด ทั้งนมเปรี้ยว ชา โกโก้ น้ำอัดลม น้ำสี น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชู กำลัง กินแทนน้ำเปล่าหมด เพราะคิดว่ายังไงมันก็คือน้ำ น้ำอะไรมันก็เหมือนกัน

จนเมื่อปีที่แล้ว เริ่มมีอาการปวดหัว ปวดแบบไมเกรน กินยาก็หาย เป็นแบบนี้อยู่เดือนสองเดือน จนวันที่ 12 ก.ค. 64 เธอเข้าห้องน้ำ จู่ ๆ ก็เหมือนมีคนปิดไฟแล้วเปิด พอลุกขึ้นยืนตัวก็เอียงซ้ายอัตโนมัติ พอตั้งสติได้ออกจากห้องน้ำแล้วเรียกแฟน พอแฟนเข้ามาเธอก็ล้มทั้งยืน ปากเบี้ยว ชาครึ่งซีกซ้าย อ้วกพุ่ง ที่บ้านจึงพาส่งโรงพยาบาลภายใน 30 นาที

จากนั้นได้เข้าอุโมงค์ MRI สแกน ผลปรากฏว่า เส้นเลือดในสมองตีบ สมองบวม ถ้าไม่หยุดบวม ต้องผ่าสมอง นอนไอซียู ดูอาการ 2 คืน ตรวจสอบหาสาเหตุหัวใจ ทุกอย่างปกติ โชคดีมันหยุดบวม แต่เธอเดินไม่ได้ ร่างกายซีกซ้ายไม่ทำงานเหมือนเดิม

ทุกอย่างล้มเหลว ตาตก ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด อาบน้ำเองยังไม่ได้ เดินไม่ได้ อยู่ รพ. 1 อาทิตย์ ต้องกายภาพเพื่อจะให้กลับมาเดินได้ ช่วยเหลือตัวเองให้ได้อีกครั้ง เธอใช้เวลาฟื้นฟูตัวเองอยู่ 2 เดือนกว่า รักษาทุกอย่าง กินทุกยา ฝังเข็ม หมดไปหลายบาท จนกลับมาเดินได้ ร่างกายทำงานแค่ 80 % ไม่เต็ม 100

สรุป ที่ป่วยครั้งนี้เพียงเพราะร่างกายไม่ได้รับน้ำเปล่า ทำให้เลือดข้น เลือดหนืดมาก ไหลเวียนช้า จับตัวเป็นก้อน ดีที่ไม่กระทบเส้นเลือดสมองด้านความจำ หรือทำให้แตก และวันที่ 12 ก.ค. 65 ก็ครบรอบ 1 ปี แต่ยังไม่หายดี เสียเงินค่ารักษา ค่ายา แพงมาก ทั้ง ๆ ที่น้ำเปล่าเป็นยาที่ดีที่สุดและราคาไม่แพง"
ขอบคุณ ปาล์ม มินิ