“อนุทิน” สั่ง สธ.ยกระดับเฝ้าระวังฝีดาษลิง ประสานด่านคุมโรค-สำนักงาน ตม.เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังแล้ว
24 กรกฎาคม 2565 ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เรียกคณะผู้บริหารเข้าประชุมด่วน ไประกอบไปด้วย อธิบดีกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) และผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เพื่อเตรียมแผนรับมือและแผนเผชิญเหตุโรคฝีดาษลิง หลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวเป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ” (Public Health Emergency of International Concern หรือ PHEIC)
ภายหลังการประชุม นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า การประชุมที่เกิดขึ้น เป็นไปเพื่อตอบสนองกับสถานการณ์เฝ้าระวังขององค์การอนามัยโลก ขอเริ่มจากเรื่องของผู้ป่วยชาวต่างชาติ ที่หลบหนี และเดินทางออกไปยังต่างประเทศนั้น เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด จนตอนนี้ ยังไม่พบการติดเชื้อเพิ่มเติม นอกจากนั้น เพื่อตอบรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน ได้สั่งการให้ด่านควบคุมโรคทั่วประเทศ ประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้ระมัดระวังการเดินทางเข้าประเทศ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง
ไทยมีระบบคัดกรอง ที่ใช้มาตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิด-19 ส่วนเรื่องยา และเวชภัณฑ์ ก็ได้มีการเตรียมไว้แล้ว เช่นเดียวกับระบบการรักษา โดยทั่วไปโรคฝีดาษลิง มีทั้งยาที่ใช้รักษาตามอาการ ยารักษาเฉพาะโรค ถ้ามีความจำเป็น สถานพยาบาลก็พร้อมที่จะรองรับการรักษาผู้ป่วยได้เช่นกัน
กับภาพรวม นายอนุทิน ได้สั่งการยกระดับการเฝ้าระวังโรคฝีดาษลิงจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ของกรมควบคุมโรค เป็นศูนย์ EOC ที่มีปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน เพื่อทำให้การสั่งการ การเฝ้าระวัง มีความครอบคลุมระดับประเทศ และย้ำว่า ความสามารถในการแพร่เชื้อของโรคฝีดาษลิง ยังไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันกับโควิด นอกจากนั้นมาตรการป้องกันโควิดที่ใช้อยู่ในช่วงนี้ คือ สวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง จะสามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นการป้องันโควิด-19 ไปพร้อมกันด้วย
“ขอย้ำว่า ประชาชนไม่ต้องตระหนก การแพร่เชื้อไม่มากเท่าโควิด-19 การล้างมือ ใส่หน้ากาก ใช้มาตรการเว้นระยะห่างช่วยได้ เพราะฝีดาษลิง ระบาดจากการสัมผัส ถ้าใส่หน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ ป้องกันได้ 2 โรค”
“ส่วนชายชาวไนจีเนีย คาดว่าน่าจะหายป่วยแล้ว ถือว่าดีแล้วที่รักษาที่กัมพูชา ได้กำชับเรื่องติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต้องระวังให้มาก ลักษณะการติดคล้ายโรคเอดส์ ถ้ามีการใช้บริการทางเพศ ไปเที่ยว ก็ถือว่ามีความเสี่ยง ต้องทำมาตรการป้องกันเช่นเดียวกับโรคเอดส์ และได้กำชับไปว่า โรงพยาบาลที่รับคนป่วยประเภทนี้ต้องกักตัว และทำการสืบสวนรักษาโรค”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ได้มอบหมายให้ พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมการแพทย์ เป็นตัวกลางในการประสานข้อมูลกับสื่อมวลชน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคฝีดาษลิง
ขอบคุณ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว และ อนุทิน ชาญวีรกูล
