เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ “มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation – WDT” โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า “#ลูกสาวแจ้งความพ่อขโมยเอาแมวไปปล่อยทิ้งจนถูกรถชนตาย #ยัน! #ไม่ไกล่เกลี่ย

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องเศร้าในครอบครัว ที่ลูกสาวยืนยันต้องการให้พ่อรับโทษ ในผลกรรมที่ทำไว้กับสัตว์ เหตุขโมยแมวไปปล่อยทิ้ง พบอีกทีกลายเป็นศพเพราะถูกรถชนตาย

WDT รับแจ้งเรื่องร้องเรียน ขอให้ช่วยเหลือเรื่องดำเนินคดีกับพ่อของตน สาเหตุขโมยแมวชื่อ ฮาชิ อายุ เจ็ดเดือน ของลูกสาวไปปล่อยทิ้ง ลูกตามหาจนพบเป็นศพถูกรถชนตาย สุดโศกเศร้า ตัดพ้อ คนทำไม่รู้สึกอะไรเลย จึงต้องการให้พ่อได้รับโทษ เกรงไปแจ้งความด้วยตนเอง แล้วตำรวจจะให้ไกล่เกลี่ย ซึ่งตนยอมรับไม่ได้กับการกระทำนี้

WDT ประสาน พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก.สภ.บางละมุง ช่วยกำชับสั่งการร้อยเวร ให้รับคดีแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษข้อหาลักทรัพย์ และทารุณกรรมสัตว์ พร้อมลงพื้นที่เรียกตัวผู้กระทำผิดไปรับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินคดีอาญาจนถึงที่สุด ลูกสาวยืนยัน อยากให้เป็นบทเรียนของพ่อว่าอย่าทำแบบนี้กับใครอีก

ทั้งนี้สำหรับเรื่องการที่ลูกแจ้งความกับพ่อของตัวเองนั้น ตามกฎหมายผู้เป็นลูกแจ้งความพ่อไม่ได้ อ้างอิงตามขนบธรรมเนียมจารีตประเพณีของไทย ลูกหลานจะต้องมีความกตัญญูรู้คุณบิดามารดาและบุพการีของตน กฎหมายจึงกำหนดข้อห้ามไว้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ใดจะฟ้องบุพการีของตนเป็นคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาก็ตาม จะไม่สามารถแจ้งความ ผู้ที่สืบสายโลหิตโดยตรงของตนได้ แต่หากผู้นั้นมีความประสงค์ที่จะฟ้องบุพการีของตนจริงๆ จะต้องร้องขอให้อัยการเป็นผู้ฟ้องคดีแทน


อย่างไรก็แล้วแต่ในทางกลับกันในกรณีถ้าเกิดเหตุ เช่น พ่อข่มขืนลูกของตัวเอง หรือ แม่ใจร้ายตีลูกจนเขียวช้ำไปทั้งตัว แบบนี้ลูกจะต้องทำอย่างไร? อันนี้ก็มีทางแก้ระบุไว้ชัดเจนใน ป.พ.พ. มาตรา 1562 หากเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น ลูก หรือญาติสนิท ก็สามารถร้องขอต่ออัยการให้เป็นผู้ฟ้องแทนได้ ซึ่งก็มีเพียงบางกรณีเท่านั้น ที่ผู้สืบสันดานสามารถฟ้องบุพากรีได้โดยตรงต่อศาลนั่นเองแหละครับ




ขอบคุณภาพ : มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation – WDT