"ค้างคาว" สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่สามารถบินได้เหมือนนก พบเชื้อไวรัสในค้างคาว มากกว่า 60 ชนิด ซึ่งก่อให้เกิดโรคในคน เช่น ไวรัสโรคพิษสุนัขบ้า ,ไวรัสอีโบลา ,ไวรัสซาร์ส , ไวรัสนิปาห์ และโรคสมองอักเสบ ซึ่งการดื่มเลือดค้างคาวสด ๆ หรือบริโภคเนื้อ หรือเครื่องในค้างคาว แบบสุกๆ ดิบๆ มีโอกาสเสี่ยงในการติดโรคจากเชื้อไวรัสสูงมาก
ล่าสุดพบการเกิดโรคจากการหายใจเอามูลค้างคาว ที่ลอยขึ้นมาในอากาศเข้าไปในปอด ทำให้ป่วยด้วย "โรคฮิสโตพลาสโมซิส" (Histoplasmosis) จากการเข้าไปในโพรงต้นไม้

"หมอมนูญ" นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความ ผ่าน หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC โดยระบุว่า ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า การเดินเข้าไปในโพรงต้นไม้ใหญ่ในป่า เพื่อชมค้างคาวในเวลาเพียง 2-15 นาที จะหายใจสปอร์ของ เชื้อราฮิสโตพลาสมา แคปซูลาตุม (Histoplasma capsulatum) ลอยขึ้นมาในอากาศจากมูลค้างคาวที่ตกลงบนพื้นดิน เข้าไปในปอด ทำให้ป่วยเป็น โรคฮิสโตพลาสโมซิส (Histoplasmosis)

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2565 มีคณะเดินทางศึกษาธรรมชาติเข้าไปในโพรงต้นไม้ เท่าที่ทราบ 7 ใน 10 คน ของคณะนี้ 2-3 สัปดาห์ หลังเข้าโพรงต้นไม้ บางคนเริ่มป่วย ไอ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เอกซเรย์ปอด 7 คน มีจุดขนาดแตกต่างกันกระจายทั่วปอด ไล่ตั้งแต่คนมีจุดเล็กที่สุดในปอดขนาด 3 มิลลิเมตร ไปถึงคนที่มีลักษณะเป็นก้อนขนาด 1 เซนติเมตรกระจายทั่วปอด

นพ.มนูญ ระบุว่า คนที่มีก้อนในปอดพิสูจน์แล้วว่าเป็นโรคฮิสโตพลาสโมซิส ด้วยการตัดชิ้นเนื้อจากปอด พบเชื้อรา Histoplasma capsulatum เจริญเติบโตแบ่งตัวในปอด
ต้นไม้ที่มีโพรงนี้ชื่อไทย “ช้าม่วง” เป็นต้นไม้กลุ่มวงศ์ยาง อายุกว่า 100 ปี สูงกว่า 40 เมตร โพรงต้นไม้นี้เกิดตามธรรมชาติ แคบเข้าได้ทีละคน ต้องก้มศีรษะเพื่อเข้าในโพรง มีพื้นที่ในโพรงให้คนเข้าไปได้ 6-7 คน ความสูงของโพรง 3 เมตร เป็นที่พักอาศัยของ ”ค้างคาวแวมไพร์แปลงเล็ก” Lesser false vampire bat บริเวณที่ค้างคาวอยู่สูงถึง 5 เมตร จากพื้น ค้างคาวชนิดนี้อาศัยในถ้ำและโพรงต้นไม้

สำหรับต้นไม้ต้นนี้อยู่ในป่าที่สมบูรณ์ โชคดีไม่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมชม เพราะต้องให้คนในพื้นที่พาเดินเข้าไป อยู่ในบริเวณคลองวังหีบ หนานตากผ้า ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช

ทั้งนี้ นพ.มนูญ ได้แนะนำให้ติดป้ายเตือนที่หน้าโพรงต้นไม้ต้นนี้ “อันตราย ห้ามเข้าในโพรงต้นไม้ อาจติดเชื้อราจากมูลค้างคาว” และใครที่เคยเข้าไปในโพรงต้นไม้ต้นนี้ โดยไม่ใส่หน้ากากอนามัย ควรไปหาแพทย์ ขอทำเอกซเรย์ปอด และแจ้งให้แพทย์ทราบด้วยว่า ตัวเองอาจติดเชื้อราที่ก่อโรคฮิสโตพลาสโมซิส คนที่อายุน้อยสุขภาพแข็งแรง ถึงติดเชื้อรา ส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ หายเองได้ ไม่ต้องรักษา คนที่อายุมากมีโรคประจำตัว ต้องรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อรา
ขอบคุณ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC