"พี สะเดิด" เล่าประสบการหลังตรวจพบเชื้อ มะเร็ง รับเชื่อเรื่อง ปาฏิหาริย์ ทำให้หายจากอาการป่วยเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มากความสามารถมาก สำหรับ พี สะเดิด นักร้องเพลงลูกทุ่งเพื่อชีวิต ที่มีผลงานติดหูแฟนๆอยู่มากมายหลายต่อหลายเพลง โดยเส้นทางการเป็นศิลปินของเขาเป็นไปเป็นมาอย่างไร พี สะเดิด ได้ออกมาเปิดเผยว่า…
“สมัยเด็กๆฟังเพลง ก็เริ่มสนใจในเรื่องดนตรี พี่ข้างบ้านเขาเล่นกีตาร์ เราเอานิ้วไปดีดเล่น เราก็รู้สึกชอบ พี่เขาก็ดุ พอตอน ป.5 พี่ชายเปิดเพลง ก็เลยรู้สึกชอบ อยากเล่นกีตาร์เป็น พอเริ่มโตขึ้นมาอีกหน่อย ก็เริมเก็บเงินซื้อเทปมาฟัง เลยซึมซับกับการฟังเพลง คาราบาว , พี่ปู พงษ์สิทธิ์ แถวบ้านจะเปิดแนว คือ หมอลำ เพื่อชีวิต ป็อปร็อก จนมา ม.1 มีการประกวด พี่ก็เป็นคนเดียวที่เอากีตาร์ไปประกวด และได้รางวัลมา และก็ได้เป็นนักดนตรีของโรงเรียน และก็เล่นดนตรีมาตลอด”
“ไปหาเงินตอน ม.2 มีกิจกรรมพิเศษจากอาจารย์ เป็นเด็กคนเดียวในวง ได้เงินก้อนแรก 80 บาท ก็นำเงินทั้งหมดไปให้แม่ เขาภูมิใจ และสงสารเรา ไม่อยากให้ลูกตะลอนไป เขากลัวอันตราย แรกๆเหมือนไม่สนับสนุน เพราะพ่อเป็นครู กลัวลูกไม่เรียน แต่ไม่มีผลกระทบเรื่องเรียน เราเรียนกลางๆ กิจกรรมก็ทำไปด้วย เรามีความสุข”
“ร้องตามร้านอาหารก็สมัย ปวช. หารายได้ช่วงปิดเทอม พอติดใจ มา ปวส. ก็เลยแบ่งเวลา เรียนภาคค่ำ มีเวลาที่เหลือก็เล่นดนตรี หารายได้ ส่งตัวเองเรียน มันเป็นความสุข ฐานะเราไม่ได้ดีมาก แต่ถ้าแบ่งเบาได้ก็โอเค เราทำงานแล้วมีความสุข เราไม่รู้สึกอะไรเลยคือมีความสุข ผมร้องในค็อกเทลเลาจ์ ร้องหลายแนว เราร้องป็อปร็อกและก็เพื่อชีวิต วันนั้นมีดีเจในพื้นถิ่น เหมือนเป็นแมวมอง เขามาดูเราโดยที่เราไม่รู้ พอเราลงจากเวที พี่เขาเรียกไปหา เขาบอกอยากทำเพลงให้ฉีกแนว ก็เลยได้ทำอัลบั้มชุดแรก ใช้เวลาอยู่ไม่มากนัก คือร็อกตลาดแตก ประสบความสำเร็จมาก มันฉีกแนว ตอนทำตอนนั้นไม่ได้คาดหวังเลยนะ พอมีงานคอนเสิร์ตเข้ามาก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน โชคดีที่อาจารย์ที่เราเรียน เขาสนับสนุน ทางคณะก็สนับสนุน วันว่างเราก็มาเรียนตามปกติ จนเรียนจบ“
“แรกๆยังใช้ชีวิตปกติ ถามว่าหลงมั้ย เราได้เดินทาง ดื่มเป็น ใช้ชีวิตมากขึ้น ก็มีหลงทางไปบ้างหลังจากที่เรียนจบแล้วนะครับ ก็มีดื่ม เที่ยวเล่นคอนเสิร์ต แต่ไม่เคยเกเรงาน เรื่องสุขภาพก็มีบ้างพอผมหมดสัญญากับค่ายเก่า ก็เลยอยากจะมาร่วมงานกับค่ายใหญ่ขึ้น มีการปรับพอสมควร อัลบั้มแรกยังไม่ประสบความสำเร็จ ถัดจากนั้น ได้ทำอัลบั้มที่สอง ได้ทำสาวกระโปรงเหี่ยน ตอนนี้ก็เป็นอิสระ เราเดินทางมานาน ยังไม่ได้เขียนอะไรที่เราเขียนทั้งหมด การออกมาไม่ใช่ว่าเราอยากจะทำเอาทั้งหมด คือเราทำงานหนักมาก เราเลยอยากทำงานเบาๆ นั่นคือเป้าหมาย อยากสบายๆกับชีวิต อยากจะพัก นั่งคิดงานเบาๆสมองมากกว่า”
“ก็ยังทำงานหนักเหมือนเดิม เพลงของผมอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่เหมือนเป็นการเขียนเพลงแบบเป็นมุมมองของเราบ้าง ตั้งแต่เป็นอิสระมาก็ปล่อยไปหลายเพลงนะ ก็มี เขาเรียกผมว่าเอเรน มันเป็นเรื่องราวดีๆจากชาวเน็ต เอาเราไปเปรียบเทียบกับการ์ตูน เขาเอาไปเล่นอยู่ 2 ปี เราก็เลยตัดสินใจแต่งเพลง ทำจริงจังเลย เชิงให้กำลังใจ ซิงเกิ้ลล่าสุดฉีกแนว EDM ก่อนหน้านั้นเป็น เฮฟวี่เมทัล ชื่อเพลง ไม่มีอนุสาวรีย์ให้คนที่อ่อนแอ และก็มาเพลงนี้ ชื่อเพลง ซิ่งสะเดิด อย่าง EDM เวลาเราไปทัวร์ต่างประเทศ เขามีความคิดถึงบ้าน เป็นแนวให้กำลังใจ เทรนด์ตอนนี้มันกว้างมาก เราเลยอยากเอาดนตรีที่คนเขาสนใจเอาไปไว้ในเพลง ทุกที่ที่เราไปเล่นคอนเสิร์ต เงินส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือ โรงพยาบาลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ที่ประเทศลาว ก็จะไปช่วยผู้ยากไร้ หรือ บำรุงพุทธศาสนา”
“เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว เราป่วย เป็นหนึ่งในล้าน จะเจออยู่ 1 หรือ 2 คน ที่ผู้ชายจะมีก้อนเนื้อตรงหน้าอก มันเจอปัญหาตรงที่เวลาเราขึ้นคอมเสิร์ตมันโตขึ้นมา ต้องใช้สก็อตเทปแปะ หลังจากนั้นไปตรง หมอก็บอกว่ามีเชื้อมะเร็ง เรากลัวตาย ก็ไปเช็กหลายโรงพยาบาล หมอนัดวันผ่า สุดท้ายเราโทรไปหาพระอาจารย์ ท่านให้กำลังใจ และบอกอย่ากลัวตาย มะเร็งมันอยู่กับทุกคน ท่านสอนเราคิดใหม่ ทำให้เราลืมไปเลยว่ามีก้อนเนื้อ มีการปรับอาหารการกิน ใช้ยาสมุนไพร และทางวิทยาการสมัยใหม่ก็ไม่ทิ้ง เราตัดสินใจไม่ผ่า หมอก็ไม่ได้ไปหา หลังจากนั้นเชื้อมันน้อยลง พอ 6 เดือน ลดลงมาเกินครึ่ง พอ 1 ปี มันหายไป เราก็เชื่อ เรื่องของปาฏิหาริย์ พอทำมันก็ดีขึ้น สุขภาพก็ดีมาก ก็อยากให้ทุกคนปรับเรื่องของจิตใจ ความคิดก่อน มันน่าจะดีขึ้น สุดท้ายก็ฝากผลงานของผมด้วยนะครับ ติดตามได้ทุกช่องทางเลย”
ขอบคุณภาพ : psaderd
