วันที่ 8 พ.ย.65 ซึ่งคืนวันลอยกระทง และจะเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาหรือราหูอมจันทร์ เต็มดวงในคืนนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2565 โดยจะเกิดจันทรุปราคา หรือ ราหูอมจันทร์ เป็นนาน 85 นาที ซึ่งทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ ระบุว่า จันทรุปราคาเต็มดวง จะเกิดขึ้นช่วงเวลา 15.02 - 20.56 น. โดยในไทยนั้น เมื่อดวงจันทร์จะโผล่พ้นขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเวลา 17.44 น. จึงไม่สามารถสังเกตช่วงแรกของปรากฏการณ์ได้ และจะเริ่มเห็นได้ชัดขึ้น ขณะเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงพอดี มองด้วยตาเปล่าได้ทุกภูมิภาคของไทย ตั้งแต่ 17.44 น. เป็นต้นไป ซึ่งช่วงที่คราสเต็มดวงจันทร์จนปรากฏเป็นสีเลือดนั้น จะเกิดขึ้นในช่วงเวลา 18.41 น.เป็นต้นไประยะเวลานานประมาณ 57 นาที
ซึ่งจากปรากฎการณ์จันทรุปราคาที่จะเกิดคราสเต็มดวงในคืนนี้ ทำให้เกิดความเชื่อว่า คนที่ดวงตกหรือดวงไม่มี ไม่ควรออกจากบ้านให้ร่างกายมาถูกแสงคราสของดวงจันทร์ในคืนนี้ เพราะจะทำให้เกิดความโชคร้าย ไม่เป็นผลดีกับผู้ที่ถูกแสงจากคราสของดวงจันทร์
เกี่ยวกับความเชื่อดังกล่าว เมื่อเวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อสอบถามความคิดเห็นกับทางพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับคราสของพระจันทร์ในคืนนี้ว่า เรื่องดวงจันทร์ ดวงดาว พระอาทิตย์นั้น จะโคจรตามธรรมชาติหมุนไปตามโลกของเรา เพราะฉะนั้นเราซึ่งอาศัยอยู่ในโลกจะต้องฉลาด อย่าทำให้ตัวเองเป็นทุกข์อยู่ในโลก ไม่ไปสร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้ใคร เราก็จะอยู่สบายในโลกนี้ ดวงจันทร์ดวงดาวมาทำอะไรเราไม่ได้หรอก เหมือนที่หลวงพ่อท่านพุทธทาส ท่านเขียนกลอนสอนไว้บทหนึ่ง คือ
" เราดีดีกว่าดวงดี เพราะดีมีที่เราดีกว่าไปมีที่ดวง ขยันทำดีทั้งปวง เหมือนเราหน่วงเอาดีทั้งปวงมาให้ดวงเราดี โชคจะร้ายไม่ได้ตลอดปี เพราะเรามีดีเป็นดวง"
เพราะฉะนั้นดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ คราสอะไรต่างๆ ก็เป็นกฎของธรรมชาติที่หมุนเวียนกันไป ก็ไม่เห็นจะส่งผลเลวร้ายอะไรจนถึงกับทำสิ้นโลกสิ้นชาติกันไป ถ้าตัวเรานั้นดีแล้ว ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์จะไม่ดีก็ไม่มีผลอะไรกับเรา ยกเว้นแต่เราจะทำตัวไม่ดีแล้วต่อให้ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์ดี มันก็ไม่ดีอยู่เช่นเดิม ดังนั้นเราจึงควรเป็นคนดีประพฤติดี จะได้ไม่ต้องไปวิตกกังวลกับสุริยคราสหรือจันทรคราสอะไรเหล่านี้ คนสมัยเขายังไม่เห็นกลัวอะไรเลย เมื่อเกิดคราสเขาตีปีปตีอะไรไล่คราสไป พอหมดคราสไปเขาก็ใช้ชีวิตกันตามปกติไม่เห็นจะต้องมานั่งอมทุกข์อะไร
พระพยอม กล่าวอีกว่า เรื่องเหล่านี้ก็ล้วนแล้วมาจากความเชื่อของคน แต่คนที่เชื่อกรรมดี เชื่อกฎแห่งกรรมตามที่พระพุทธท่านสอนนั้น ต้องเชื่อในเรื่องของกรรมด้วยธรรมวาที วิริยะวาที คือเชื่อในเรื่องกรรมและความเพียร จึงจะอยู่เหนือกรรมได้ ขอให้เชื่อและอยู่กับกรรมดีเถอะ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
ขอบคุณภาพ : วัดสวนแก้ว (พระพยอม กลยาโณ)
