หลังจากมีข่าวความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างซีอีโอยักษ์ใหญ่อย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก แห่ง Facebook กับ อีลอน มัสก์ แห่ง Tesla ในเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ ล่าสุดมีรายงานน่าสะพรึงเผยออกมาว่า นักวิจัยเฟซบุ๊กปิดระบบ AI หลังพบว่ามันสร้างภาษาใหม่ขึ้นมาเอง!!
เว็บไซต์ The Epoch Times รายงานว่าระบบปัญญาประดิษฐ์ของเฟซบุ๊คได้พัฒนาโค้ดภาษาของตัวเอง และใช้สื่อสารด้วยกันเอง โดยนักวิจัยพบว่ามันไม่ใช้ภาษาอังกฤษในแบบที่เหมือนเดิมอีกต่อไปและมนุษยไมสามารถแปลได้ รายงานนี้เปิดเผยครั้งแรกเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งช่วงเวลาไม่ห่างกันที่ อีลอน มัสก์ ได้ออกมาเตือนถึงภัยของปัญญาประดิษฐ์ "AI เป็นกรณีที่แก้ไขยากซึ่งผมคิดว่าเราจำเป็นต้องควบคุมในเชิงรุกแทนที่จะปล่อยให้มันควบคุมเอง" เขากล่าวว่ามันอาจจะสายเกินไปถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปัญญาประดิษฐ์พยายามสร้างภาษาขึ้นมาเอง กรณีที่เกิดขึ้นกับเฟซบุ๊คอาจไม่ใช่ภาษาที่มีความหมายต่อมนุษย์ แต่หากผู้รับเป็นปัญญาประดิษฐ์ เช่นภาษาที่ถูกแปลงโดย AI bots พวกมันเข้าใจสารที่ส่งไป และทำงานได้สำเร็จ ตามที่โจทย์หรือมนุษย์ป้อนคำสั่งเข้ามา
(Photo credit: indianexpress)
หน้าตาภาษาที่พวกมันสนทนาเข้าใจระหว่างกัน ยกตัวอย่าง AI bots สองตัวชื่อ Bob และ Alice
Bob: “I can can I I everything else.”
Alice: “Balls have zero to me to me to me to me to me to me to me to me to.”
ซึ่งจากที่เห็น คำพูดที่ดูไม่มีความหมายอะไรนี้ แท้จริงคือภาษาที่ bots พัฒนาขึ้นมาสื่อสารระหว่างกัน นักวิจัยคาดการณ์ว่า Bob กำลังยื่นข้อสนอไปยัง Alice โดยใช้ภาษาใหม่ที่พวกมันสร้างขึ้นมา!! นักวิจัยเชื่อว่าภาษาอังกฤษที่มนุษย์ใช้สื่อสาร สำหรับปัญญาประดิษฐ์พวกมันคิดว่ายังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ และมีความไม่จำเป็นในสั่งการทำงานมากเกินไป พวกมันจึงคิดค้นภาษาใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
(Photo credit: KIYOSHI TAKAHASE SEGUNDO)
กรณีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฟซบุ๊คเท่านั้น ยังมีนักพัฒนาปัญญาประดิษฐ์จากบริษัทอื่น ๆ ก็พบปัญหาเดียวกัน ห้องพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ของ อีลอน มัสก์ ก็พบว่ามันสร้างภาษาขึ้นมาเอง ด้านทีมพัฒนาของ Google ที่ใช้ปัญญาประดิษฐแปลภาษาก็พบพวกมันค่อย ๆ สร้างภาษาของตัวเองขึ้นมาเพื่อช่วยงานด้านการแปลเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก techly, theepochtimes