ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว จาม ประจำจังหวัดราชบุรี รายงานข่าวตายายวอนผู้เกี่ยวข้อง ช่วยจับโจรขโมยวัวเพศเมีย หลังยืมเพื่อนบ้านมาเลี้ยงเพื่อปันลูก ต้องตกเป็นหนี้กว่า 2 หมื่นบาท โซเชียลแห่แชร์จนเจอที่กบดาน

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2562 ชาวโซเชียลได้ช่วยกันแชร์ภาพถ่ายรถของผู้ต้องสงสัยที่แอบเข้ามาลักขโมยวัวของตาวัย 73 ปี และยายวัย 68 ปี 2 สามีภรรยาชาวตำบลเจ็ดเสมียน อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี โดยการใช้รถกระบะที่ติดคอกสำหรับบรรทุกวัว มาขโมยวัวหลบหนีอย่างลอยนวล โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ บอล พิกุลทอง ได้นำภาพถ่ายพร้อมเขียนข้อความว่า “ตามหารถคันนี้ ลักวัวที่เจ็ดเสมียนไป เวลา 10.45 เบาะแสมีรูป...แค่นี้นะคับ ช่วยกันตามหน่อยคับ สงสารตาแก...แก่แล้ว #ช่วยแชร์หน่อยคับ”


โดยโพสต์ดังกล่าวมีผู้เข้ามาช่วยกันแชร์มากกว่า 1.5 หมื่นครั้ง พร้อมทั้งแจ้งเบาะแสและข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับคนร้ายรายนี้เพื่อช่วยกันติดตามหาที่หลบซ่อน เพื่อที่จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ติดตามเข้าไปยังบ้านของ 2 ตายายเจ้าของวัว ที่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลเจ็ดเสมียน อยู่ติดกับรางรถไฟใกล้สถานีรถไฟเจ็ดเสมียน พบนางบุญมา พงษ์เขียว วัย 68 ปี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนและสามีคือ นายสุพิศ พงษ์เขียว อายุ 73 ปี ได้ยืมวัวตัวนี้มาจากคนรู้จักที่นับถือกัน ซึ่งเป็นการเลี้ยงแบบปันลูก หลังจากที่มันตั้งท้องก็จะสลับกับทางเจ้าของวัวในการเลี้ยง จนกว่าวัวจะคลอดลูกและจะแบ่งลูกกัน ส่วนแม่วัวก็จะคืนเจ้าของ


ในวันเกิดเหตุ คุณตาได้นำวัวไปผูกเลี้ยงเพื่อให้มันกินหญ้าที่พื้นที่ว่าถัดจากบ้านไปประมาณ 300 เมตร ตามปกติที่ทำเป็นประจำทุกวัน ช่วงเวลา 8.00 น. จากนั้นคุณตาได้กลับมาทานข้าวที่บ้าน ตนจึงบอกสามีไปว่าให้เลี้ยงเป็ดก่อน และหลังจากที่ทำอะไรเสร็จจึงกลับไปดูวัวต่อก็ไม่เจอวัว โดยวัวหายไปสามีได้รีบกลับมาบอกกับตนด้วยความตกใจและทำอะไรกันไม่ถูก จึงได้รีบแจ้งไปยังลูกชายเพื่อไปแจ้งความที่ สภ.โพธาราม

วัวตัวดังกล่าว เป็นวัวเพศเมียสีขาว อายุประมาณ 2 ปี และกำลังตั้งท้องประมาณ 3 เดือน และมีตำหนิมีปานที่ไหล่ซ้ายสีดำ ตนอยากจะฝากบอกเตือนผู้ที่เลี้ยงวัวว่าตอนนี้ไว้ใจใครไม่ได้ ต้องช่วยกันระวัง อย่างปล่อยทิ้งต้องช่วยกันดูแลให้ทั่วถึง หลังจากที่วัวหายไปตอนนี้ทางบ้านก็เครียดกันทั้งบ้าน คุณตากลับมาร้องไห้ไม่หยุดจนต้องนำส่งโรงพยาบาลเพราะเป็นลมจากความเครียด ตอนนี้ยังทำไรกันไม่ถูกทางเจ้าของวัวมาดูที่บ้านก็ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องคาเสียหายที่จะเกิดขึ้น แต่จากการประเมินราคาของวัวตัวนี้ จะอยู่ที่ประมาณ 20,000 - 25,000 บาท

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังจุดที่คุณตาวัย 73 ปีนำมาเลี้ยงเพื่อหาข้อมูลการหายไปของวัว จึงได้พบกับคุณตาเจ้าของวัว คือ นายสุพิศ พงษ์เขียว อายุ 73 ปี คุณตาเล่าเหตุการณ์กับผู้สื่อข่าวพร้อมน้ำตาที่ไหลตลอดเวลาด้วยความเสียใจว่า ตนเองเลี้ยงวัวมาถึงปัจจุบันก็ 21 ปีแล้ว และการหายของวัวครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 และก็เป็นสถานที่เดียวกันแต่ครั้งแรกประมาณ 10 ปีก่อน คุณตาได้ฝากบอกถึงคนที่นำวัวของตนเองไปว่า “อยากให้สงสารคนจนบ้างเถิด ตนต้องไปกู้เงินกองทุนหมู่บ้านมาซื้อเลี้ยง และต้องไปขอคนนู้นคนนี้มาเลี้ยงแบ่งปันลูกกัน ตนเองก็แก่แล้วด้วย ทำอย่างอื่นก็ไม่ไหวแล้ว และตอนนี้ตนเองต้องไปใช้หนี้ให้กับเจ้าของวัวอีก ตอนนี้เครียดเป็นอย่างมาก นึกว่าสงสารคนแก่

ล่าสุดมีรายงานจากทางสมาคมผู้ค้าวัวว่า พ.ต.อ.สมมาตร จันทรัตน์ ผกก. สภ.โพธาราม ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.วรรณะ แจ่มศรีงาม รอง ผกก.สส.สภ.โพธาราม พร้อมชุดสืบสวน ได้สืบสวนทราบว่า ตัวบุคคลที่ต้องสงสัยลักวัว ที่หมู่ 1 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.โพธาราม ได้ติดตามหาตัวคนร้ายผู้ก่อเหตุดังกล่าว ที่บ้านหมู่ 2 ตำบลบางระกำ อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม แต่ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นส่งข้อมูลให้ร้อยเวรสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป...
เรื่องและภาพโดย: สิริมงคล ไกรวงศ์วิชญ์ ทีมข่าวภูมิภาค จาม ประจำจังหวัดราชบุรี