นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าประจำห้อง ICU โรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุโรงพยาบาลวิชัยยุทธ และประธานชมรมเชื้อราทางการแพทย์ประเทศไทย ได้เผยเหตุสำคัญที่ร้านทำผมทั้งผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ ควรสวมหน้ากากอนามัยระหว่างทำผม หวั่นโควิดระบาดรอบ 2 ป้องกันไว้ดีกว่าแก้
หมอมนูญ โพสต์เฟซบุ๊กเพจ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ได้เผยเหตุผลสำคัญดังกล่าวไว้ว่า "
เหตุผลที่ทำไมทั้งช่างทำผมและเราต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา เมื่อเราไปทำผมที่ร้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมว่าการสวมหน้ากากอนามัยช่วยมากในการลดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 จากช่างทำผมสู่ลูกค้า
ในรายงานจากรัฐมิสซูรี ในเดือนพฤษภาคม 2563 มีช่างทำผมคนหนึ่งป่วยมีอาการแต่ยังทำงาน ตัดผม สระผม ย้อมผมให้ลูกค้าถึง 8 วันก่อนจะตรวจพบว่าเป็นโรคโควิด-19 ช่างทำผมคนนี้ไม่สวมหน้ากากอนามัยเวลาอยู่ที่บ้านและอยู่กับเพื่อนร่วมงาน และได้แพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับคนในครอบครัวที่บ้านตัวเอง 4 คน และให้กับเพื่อนร่วมงานที่เป็นช่างผมเช่นกัน 1 คน ช่างทำผมคนที่ 2 นี้ที่ได้รับเชื้อ ได้ทำผมให้ลูกค้า 5 วันขณะที่ป่วยมีอาการ
สรุปแล้วช่างทำผมทั้ง 2 คนขณะป่วยมีอาการได้ทำผมให้กับลูกค้ารวมทั้งหมด 139 คน โดยที่ช่างทำผมทั้ง 2 คนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ทำผมให้ลูกค้า ลูกค้าเกือบทุกคนก็สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเช่นกัน ลูกค้าใช้เวลาทำผมตั้งแต่ 15-45 นาที
มีการตรวจลูกค้าทั้งหมดด้วยการแยงจมูกส่งตรวจหารหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโควิด-19 และติดตามลูกค้าเป็นเวลา 1 เดือน พบว่าช่างทำผมทั้ง 2 คนไม่แพร่เชื้อให้ลูกค้า 139 คนที่เข้ามารับบริการเลยแม้แต่คนเดียว
การที่ทั้งช่างทำผมและลูกค้าใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลามีประโยชน์ สามารถลดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ดี เวลาไปร้านทำผม ผมจะเอาหน้ากากอนามัยตัด แปะที่ใบหน้าด้วย micropore ทุกครั้ง (ดูรูป) ทำให้ไม่ต้องดึงสายคล้องหูของหน้ากากออกเวลาตัดผม สระผมใกล้ๆกับบริเวณใบหู ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงหายใจเอาเชื้อไวรัสเข้าไป ที่ประเทศญี่ปุ่นขณะนี้มีหน้ากากแบบมีกาว 2 ด้านสำหรับแปะบนใบหน้า ไม่มีสายคล้องหูสำหรับเวลาไปทำผมวางขายแล้ว
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก