อนาคตใหม่เฮ! หลังศาล รธน. วินิจฉัย ไม่ยุบพรรค

ข่าวที่ 1 : อนาคตใหม่เฮ! หลังศาล รธน. วินิจฉัย ไม่ยุบพรรค

สำหรับคดีล้มล้างการปกครองนี้เริ่มต้นโดย นายณฐพร โตประยูร มีอาชีพทนายความ ซึ่งเป็นอดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ กรณีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่

ซึ่ง นายณฐพร ได้ยื่นคำร้องโดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 62 โดยให้เหตุผลเป็นหน้าที่ของประชาชนที่จะต้องพิทักษ์รักษารัฐธรรมนูญ มิให้กลุ่มบุคคลใดล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้ง 4 คือ พรรคอนาคตใหม่, นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค, นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค หยุดการกระทำล้มล้างการปกครอง และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่

ส่งผลให้ในวันนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ถนนแจ้งวัฒนะ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีล้มล้างการปกครอง (คดีอิลลูมินาติ) ของพรรคอนาคตใหม่ โดยศาล รธน.วินิจฉัยว่าพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ทำให้ คณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ ทั้ง 15 คน ไม่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีกด้วย

ทั้งนี้ ศาล รธน.วินิจฉัยว่า เหตุที่ไม่โดนโทษยุบพรรค ศาล รธน.เห็นว่า ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอตามกฎหมายว่า ผู้ถูกร้อง ทั้ง 4 กระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ข่าวที่ 2 : ศาลสั่งจำคุกสรยุทธ 6 ปี 24 เดือน ไม่รอลงอาญา

เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นางพิชชาภา หรือ นางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท, บ.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง กก.ผจก.บมจ.ไร่ส้ม และ น.ส.มณฑา พนักงาน บ.ไร่ส้ม เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นพนักงานเรียกรับ หรือ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ

ภายหลังการพิจารณาคดีผ่านไป ประมาณ 40 นาทีศาลฎีกาได้พิพากษาตามศาลอุทธรณ์ แต่ลดโทษให้เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ โดยสั่งจำคุก นางพิชชาภา 12 ปี ส่วนนายสรยุทธ และ นางสาวมณฑา สั่งจำคุกคนละ 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ส่วน บจก.ไร่ส้ม ให้ปรับ 72,000 บาท โดยตลอดการพิจารณาคดีนายสรยุทธมีสีหน้าเคร่งเครียดเป็นระยะๆ

สำหรับคดีนี้เป็นการยักยอกรายได้จาก คิวโฆษณารวม ในรายการ “คุย คุ้ยข่าว” 17 ครั้ง ทำให้ อสมท. เสียหายกว่า 138,790,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 2-4 เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือ ให้ความสะดวกในการกระทำผิด ซึ่งแม้ว่า ค่าโฆษณาส่วนเกิน จำนวน 138,790,000 บาท บ.ไร่ส้ม ได้ชำระคืนให้ แก่ อสมท. ครบถ้วนแล้ว แต่คดีนี้ความผิดได้สำเร็จแล้ว โดยหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ก็จะนำตัวนายสรยุทธ และจำเลยที่1,2,4 เดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เพื่อรับโทษทางกฎหมายต่อไป

ข่าวที่ 3 : นายกฯ ชี้การแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย

ในวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวกับประชาชนหลังเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ จ.นราธิวาส ตอนหนึ่งพูดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ ว่า ปัญหาแต่ละปัญหามีคนทำทั้งสิ้น เกิดจากประชาชน ผมก็โทษประชาชนไม่ได้เหมือนกัน แต่ต้องร่วมมือ กฎหมายก็มีอยู่ ถ้าให้ผมไปดำเนินการคดีทั้งหมดท่านก็เดือดร้อน ท่านก็ช่วยผมสิครับ การเผาวัชพืชจะทำอย่างไร เผาน้อยลง ไม่เผา ได้ไหม หลายคนที่เขาเดือดร้อนเขาก็บอกว่า ไปจับมาเลยครับ จับให้หมดเลยใครเผา มันมีคนสองฝ่ายเสมอ

สิ่งที่มีปัญหาวันนี้ใน PM 2.5 คือ เกิดจากจราจรประมาณ 72 % เรื่องเผาวัชพืชประมาณ 15 % อุตสาหกรรม 5 % ที่เหลือเป็นอื่นๆ จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ หายใจออกมาก็ได้นะ ทั้งหมดมีปัญหาฝุ่นที่มีขนาด 2.5 ขนาดเล็ก มันมีผลต่อผู้อายุน้อยๆ เด็ก ทารก คนมีครรภ์ คนชรา คนที่มีโรคประจำตัว นอกนั้นแข็งแรงพอสู้ไหว อย่างผมนี่พอไหว ถ้าใครรู้ว่าเสี่ยงก็ปิ ดจมูกนะ ใส่หน้ากากไปถ้าคิดว่าตัวเองไม่ปลอดภัย ทั้งหมดเป็นการแก้ปัญหาเชิงบูรณาการที่มาจากหลายงานด้วยกันที่ทำให้เกิดปัญหา ทุกเรื่องมีปัญหาอย่างนี้หมด

ข่าวที่ 4 : กระบะมักง่าย! จอดขวางหน้าบ้านแพทย์หญิง ขยำใบสั่งทิ้ง ขับออกไปหน้าตาเฉย

กรณีที่มีคนขับรถกระบะไปขวางประตูหน้าบ้านของแพทย์หญิง จนไม่สามารถออกไปทำงานได้หลายชั่วโมง ต้องโทรศัพท์ไปยังศูนย์วิทยุกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ 191 ให้ประสานตำรวจจราจร มาดำเนินการ ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรจังหวัดเชียงใหม่ ได้มายังจุดเกิดเหตุและได้เขียนใบสั่งแปะไว้กระจกรถยนต์กระบะดังกล่าว

ต่อมาเจ้าของรถกระบะดังกล่าวได้ดึงใบสั่งดังกล่าวออกและโยนทิ้ง และก็ได้ขับรถออกไปทันที โดยไม่ได้สนใจใบสั่งแต่อย่างใด สร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าของบ้าน

ทั้งนี้ตำรวจได้ชี้แจงว่า หากมีกรณีนี้เกิดขึ้น ให้แจ้งตำรวจจราจรเอารถยกมายกออกไปเลย และตำรวจจราจร เมื่อออกใบสั่งแล้ว ควรจะอยู่รอสักพัก เพื่อตรวจหาเจ้าของรถ หรือไม่ก็ประสานรถยกมายกรถดังกล่าวออกจากการกีดขวาง ไม่ใช่มาติดใบสั่งแล้วก็จากไปแบบนี้

เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาให้มีการเรียกอบรมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรอีกครั้ง และจะได้ประสานไปยังขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ให้ดำเนินการกับเจ้าของรถกระบะคันดังกล่าวที่มีพฤติกรรมแบบนี้ เพื่อให้ดำเนินการในส่วนเรื่องขนส่งต่อไป

ข่าวที่ 5 : กระสุนเจาะประตูรถกระบะ เจ้าของรถสุดงง ไม่รู้ฝีมือใคร

นายทรงสิทธิ์ ปรีดี เจ้าของรถกระบะเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ ว่ารถยนต์กระบะโตโยต้า รีโว่ สีขาว ซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ภายในซอยกิ่งแก้ว 32 ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ถูกกระสุนปืนไม่ทราบขนาดที่ประตูคนขับได้รับความเสียหาย เป็นรูกระสุนปืนทะลุเข้าไปในห้องโดยสาร

เมื่อตำรวจไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนปืน.38 ตกอยู่ในห้องโดยสาร 1 หัว การตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นขี่จักรยานยนต์ไล่ทำร้ายกันไปภายในซอยดังกล่าว เมื่อเห็นว่าเป็นซอยตันจึงกลับรถ วัยรุ่นที่ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามใช้อาวุธปืน ยิงเข้าไล่วัยรุ่นที่ขี่จักรยานยนต์หลบหนี แต่กระสุนพลาดไปโดนรถกระบะของนายทรงสิทธิ์ ซึ่งนายทรงสิทธิ์เล่าว่าก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีปัญหากับใคร สาเหตุน่าจะมาจากเมื่อคืนที่ผ่านมา มีกลุ่มขีรถจักรยานยนต์ล่าทำร้ายกันเข้ามาในซอย และยิงพลาดมาโดนรถกระบะของตนเอง เบื้องต้น ตำรวจจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนีของผู้ที่ก่อเหตุ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป